xs
xsm
sm
md
lg

รวบพ่อครัวมาเลย์รับจ้างรูดบัตรเครดิตใช้หนี้พนันบอล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 แถลงข่าวจับกุมตัว นายไซม่อน โบย สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาใช้บัตรเครดิตและหนังสือเดินทางปลอม
ตำรวจจับกุมพ่อครัวชาวมาเลเซียรับจ้างรูดบัตรเครดิตปลอม เพื่อหักเปอร์เซ็นต์ใช้หนี้พนันฟุตบอลราว 4 แสนบาท ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำของเมืองไทย

วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน และ พ.ต.ต.ภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ สว.สป.สน.ปทุมวัน ร่วมกันแถลงการจับกุมตัว นายไซม่อน โบย สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาใช้บัตรเครดิตและหนังสือเดินทางปลอม พร้อมของกลางบัตรวีซ่าธนาคารต่างๆ รวม 10 ใบ ใบบันทึกรายการขายสินค้าของธนาคารกสิกรไทยยอดเงินจำนวน 49,980 บาท จำนวน 1 ใบ หนังสือเดินทางปลอมของประเทศฮ่องกงซึ่งมีรูปถ่ายของผู้ต้องหาติดอยู่จำนวน 2 เล่ม และทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น N 81 อีก 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้ขณะที่ผู้ต้องหากำลังใช้บัตรเครดิตปลอมไปรูดซื้อสินค้าบนห้างสยามพารากอน เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (20 ต.ค.)

พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากผู้แทนของสถาบันการเงินและธนาคารหลายแห่งว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพนำบัตรเครดิตปลอมมาใช้รูดสินค้าตามห้างสรรพสินค้า ในพื้นที่ บก.น.6 ทำให้ธนาคารได้รับความเสียหายมูลค่ามหาศาล จึงได้ส่งกำลังไปเฝ้าสังเกตุการณ์ตามห้างต่างๆ จนกระทั่งช่วงหัวค่ำวานนี้ (20 ต.ค.) เจ้าหน้าที่พบว่านายไซม่อนฯ นำบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย ไปใช้รูดโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่น OMNIA จำนวน 2 เครื่อง ในราคา 49,980 บาท บนห้างสยามพารากอนด้วยท่าทางมีพิรุธจึงเข้าทำการขอตรวจค้น พบบัตรเครดิตในตัวอีก 6 ใบ โดยไม่สามารถบอกทีมาที่ไปของบัตรทั้งหมดได้ เมื่อพาตัวไปตรวจสอบในห้องพักของโรงแรมย่านสุขุมวิทยังพบบัตรเครดิตปลอมเพิ่มอีก 3 ใบ และหนังสือเดินทางปลอมอีก 2 เล่ม จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ปทุมวัน

จากการสอบสวน นายไซม่อนให้การว่าเป็นพ่อครัวประจำร้านอาหารในประเทศมาเลเซีย แต่ติดเล่นการพนันฟุตบอลอย่างหนักทำให้เป็นหนี้โต๊ะรับแทงบอลมากถึง 40,000 ริงกิต หรือประมาณ 400,000 บาทไทย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหนี้จึงได้สั่งให้ตนทำงานขัดดอกด้วยการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วขึ้นรถไฟจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาที่กรุงเทพฯ เมื่อตนเดินทางมาถึงเจ้าหนี้ก็ส่งคนมายึดหนังสือเดินทางฉบับจริงของตน ซึ่งออกโดยประเทศมาเลเซียไป แล้วมอบหนังสือเดินทางปลอมทั้ง 2 เล่มให้ตนถือไว้แทน ก่อนจะพาตนไปพักที่โรงแรมย่านสุขุมวิท จากนั้นทางเจ้าหนี้ก็จะส่งทั้งคนไทยและต่างชาติสลับสับเปลี่ยนกันนำบัตรเครดิตปลอมมาให้ตนนำไปรูดซื้อสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป และคอมพิวเตอร์ ตามร้านภายในห้างชื่อดังย่านปทุมวันทุกวัน ซึ่งบัตรบางใบก็ใช้ได้ บางใบก็ใช้ไม่ได้เนื่องจากรูดไม่ผ่าน แต่ถ้าใบไหนที่ตนรูดสำเร็จก็จะมีคนมารับสินค้าจากตนไปในทันที ซึ่งการรูดซื้อสินค้าได้ในแต่ละครั้งจะได้รับค่าตอบแทนเที่ยวละ 3-10 เปอร์เซ็นต์ โดยเจ้าหนี้จะหักเงินรายได้ส่วนนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเงินต้นจะหมด

ด้าน นายสมชาย พิชิตสุรกิจ ประธานหัวหน้าคณะทำงานป้องกันทุจริตบัตรเครดิต ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต เปิดเผยว่า บัตรเครดิตที่ยึดได้จากนายไซม่อนนั้นแม้จะเป็นบัตรปลอม แต่ข้อมูลภายในแถบแม่เหล็กเป็นข้อมูลจริงของลูกค้าทุกอย่าง ภายในระยะเวลาไม่กี่วันที่นายไซม่อน เข้ามาอยู่ในเมืองไทยได้สร้างความเสียหายให้แก่สถาบันการเงินต่างๆ ไปแล้วหลายล้านบาทซึ่งถือว่าเป็นอันตรายมาก สำหรับการขโมยข้อมูลภายในบัตรนั้นมีอยู่หลายขั้นตอน อย่างง่ายๆ ก็คือ การใช้เครื่องสกรีมเมอร์ ไปว่าจ้างให้พนักงานตามปั๊มน้ำมัน หรือร้านอาหาร และตามสถานบันเทิงถือเอาไว้ เมื่อลูกค้ายื่นบัตรให้เพื่อชำระค่าบริการ พนักงานก็จะนำบัตรมารูดใส่เครื่องสกรีมเมอร์ทำการบันทึกข้อมูลในแถบแม่เหล็ก ก่อนที่จะเอาข้อมูลดังกล่าวไปเอนโค๊ดเดอร์ใส่บัตรปลอมที่ทำรอเอาไว้แล้ว ส่วนวิธีแก้ปัญหาขณะนี้สถาบันการเงินต่างๆ พยายามที่จะเปลี่ยนการบันทึกข้อมูลจากในแถบแม่เหล็กเป็นการบันทึกลงในชิปแทน ทราบว่าธนาคารหลายแห่งกำลังใช้ความพยายามในการปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้อยู่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ใช้ หรือมีไว้ใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระสินค้า แทนการชำระด้วยเงินสด โดยประการที่จะก่อความเสียหายให้แก่ผู้อื่น, ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม” ต่อนายไซม่อน ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น