กองปราบปราม แกะรอยตามจับแก๊งชาวรัสเซียโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ทำธุรกรรมผ่านระบบ อี-แบงกิ้ง โอนเงินผู้เสียหายเข้าบัญชีที่ใช้บัตรประชาชนปลอมเปิดรอไว้แล้ว เสียหายกว่า 10 ล้านบาท ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นอดีตทหารพลร่มของยูเครน และเป็นผู้ต้องสงสัยเคยก่อคดีเช่นนี้ที่เอฟบีไอ อเมริกาต้องการตัว
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ท.พลฑิต ไชยรส พ.ต.ท.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผกก.2 บก.ป.และ พ.ต.ต.สุรพงษ์ ธรรมพิทักษ์ สว.กก.2 บก.ป.ควบคุมตัว นายประเกียรติ บุญเหมาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/1 หมู่ 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายแอนตอน โซลดาแทนคอฟ อายุ 26 ปี ชาวรัสเซีย และ นายวีนูเชนโก โอเล็คซานเดอร์ อายุ 32 ปี ชายยูเครน มาสอบสวน หลังจับกุมได้ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.พร้อมของกลางบัตรประชาชน ของ นายเอื้ออังกูร อัครชัยไพศาล บัตรประชาชนของ นายประเกียรติ พร้อมรูปถ่าย ใบถอนเงินธนาคารกรุงไทย สาขาที่เกิดเหตุ ชื่อบัญชีของ นายเอื้ออังกูร ถอนเงิน 6,500,000 บาท เงินสด 6,500,000 บาท สมุดคู่ฝากเงินออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมสยามอีสเทิร์น ของ นายเอื้ออังกูร บัตรวีซ่าอีเล็กตรอนของธนาคารกรุงไทย รถยนต์โตโยต้าอัลติส ทะเบียน ฌผ 1990 กทม. โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้ภายในธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมสยามอีสเทิร์น อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-3 จับกุมได้ขณะนั่งรออยู่ในรถยนต์ของกลางที่หน้าธนาคารดังกล่าว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เข้าประสานงานกับ พ.ต.อ.อัคราเดช หลังจากตรวจสอบพบความผิดปกติในการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร ซึ่งจากการตรวจสอบของชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.พบบัญชีของลูกค้า จำนวน 5 ราย ที่ได้ถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบ อี-แบงกิ้ง เพื่อทำการโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งคนร้ายใช้บัตรประชาชนปลอมมาเปิดบัญชีรอไว้ รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตามแกะรอยจากระบบอินเทอร์เน็ต รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดของทางธนาคารพบบุคคลต้องสงสัยเป็นชายชาวต่างชาติ 2 คน และคนไทย 1 คน ร่วมกระทำผิด โดยผู้ต้องสงสัยชาวไทยได้นำบัตรประชาชนปลอมในชื่อ นายเอื้ออังกูร อัครไชยไพศาล มาเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นฯ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 15 มิ.ย. ได้โทรติดต่อทางธนาคารว่ามีเงินสด จำนวน 6 ล้านบาทหรือไม่ เพราะจะมีคนโอนเงินมาให้และจะมาถอนออกจากบัญชี ทางธนาคารจึงรีบประสานชุดสืบสวนมาซุ่มดักรอ โดยชายไทยต้องสงสัยได้เดินทางมาพร้อมกับชายชาวต่างชาติ 2 คนด้วยรถยนต์โตโยต้า รุ่นอัลติส ทะเบียน ฌผ 1990 กทม.เข้ามาจอดที่หน้าธนาคาร จากนั้นชาวต่างชาติได้นั่งรออยู่ในรถ และยื่นสมุดบัญชีธนาคารให้ชายไทยลงมาทำการถอนเงิน ส่วนชาวต่างชาติทั้งสองที่นั่งรอกำลังใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทำอะไรบางอย่าง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมด
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนของ บก.ปศท.ได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ นายแอนตอน ไว้แล้ว หลังพบการกระทำผิดในลักษณะนี้กับธนาคารไทยพาณิชย์ มูลค่าความเสียหาย 1.5 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบพบความผิดปกติในการทำธุรกรรมผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มูลค่าความเสียหายอีกหลายล้านบาท จึงนำข้อมูลมาให้ เมื่อทำการสืบสวนก็พบว่า นายแอนตอน ได้ร่วมกับ นายวีนูเชนโก และ นายประเกียรติ กระทำผิดจึงแกะรอยติดตามจับกุมตัวมาได้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาต่างชาติทั้งสองคนในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกด้วย
สอบสวน นายประเกียรติ ให้การว่า เป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์อยู่ที่พัทยา นายวีนูเชนโก และ นายแอนตอน นำรถมาซ่อมบ่อยจนสนิทสนมกัน นายวีนูเชนโกได้มาชักชวนว่า ต้องการหาเงินใช้หรือไม่ แต่ไม่บอกว่างานอะไร และได้เงินเท่าไร ตนได้ตอบตกลง นายวีนูเชนโกจึงนำบัตรประชาชนปลอมในชื่อนายเอื้ออังกูร แต่ใช้ภาพใบหน้าของตนมา ก่อนนำไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร กระทั่งถูกจับกุม ส่วน นายวีนูเชนโก และนายแอนตอนนั้นไม่ยอมให้การใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายวีนูเชนโก นั้น ทางเจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวนกลางสหรัฐ หรือ เอฟบีไอ ได้ประสานขอข้อมูลจากชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. เนื่องจากทางเอฟบีไอมีข้อมูลว่านายวีนูเชนโก ซึ่งเป็นอดีตทหารพลร่มของยูเครน เคยปฏิบัติการอยู่ในประเทศไอวอรีโคสต์นั้นเป็นผู้ต้องสงสัยก่อคดีลักษณะเดียวกันนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกติดตามพฤติกรรมมานานแล้ว
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ท.พลฑิต ไชยรส พ.ต.ท.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผกก.2 บก.ป.และ พ.ต.ต.สุรพงษ์ ธรรมพิทักษ์ สว.กก.2 บก.ป.ควบคุมตัว นายประเกียรติ บุญเหมาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/1 หมู่ 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายแอนตอน โซลดาแทนคอฟ อายุ 26 ปี ชาวรัสเซีย และ นายวีนูเชนโก โอเล็คซานเดอร์ อายุ 32 ปี ชายยูเครน มาสอบสวน หลังจับกุมได้ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.พร้อมของกลางบัตรประชาชน ของ นายเอื้ออังกูร อัครชัยไพศาล บัตรประชาชนของ นายประเกียรติ พร้อมรูปถ่าย ใบถอนเงินธนาคารกรุงไทย สาขาที่เกิดเหตุ ชื่อบัญชีของ นายเอื้ออังกูร ถอนเงิน 6,500,000 บาท เงินสด 6,500,000 บาท สมุดคู่ฝากเงินออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมสยามอีสเทิร์น ของ นายเอื้ออังกูร บัตรวีซ่าอีเล็กตรอนของธนาคารกรุงไทย รถยนต์โตโยต้าอัลติส ทะเบียน ฌผ 1990 กทม. โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้ภายในธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมสยามอีสเทิร์น อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-3 จับกุมได้ขณะนั่งรออยู่ในรถยนต์ของกลางที่หน้าธนาคารดังกล่าว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เข้าประสานงานกับ พ.ต.อ.อัคราเดช หลังจากตรวจสอบพบความผิดปกติในการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร ซึ่งจากการตรวจสอบของชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.พบบัญชีของลูกค้า จำนวน 5 ราย ที่ได้ถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบ อี-แบงกิ้ง เพื่อทำการโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งคนร้ายใช้บัตรประชาชนปลอมมาเปิดบัญชีรอไว้ รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตามแกะรอยจากระบบอินเทอร์เน็ต รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดของทางธนาคารพบบุคคลต้องสงสัยเป็นชายชาวต่างชาติ 2 คน และคนไทย 1 คน ร่วมกระทำผิด โดยผู้ต้องสงสัยชาวไทยได้นำบัตรประชาชนปลอมในชื่อ นายเอื้ออังกูร อัครไชยไพศาล มาเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นฯ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 15 มิ.ย. ได้โทรติดต่อทางธนาคารว่ามีเงินสด จำนวน 6 ล้านบาทหรือไม่ เพราะจะมีคนโอนเงินมาให้และจะมาถอนออกจากบัญชี ทางธนาคารจึงรีบประสานชุดสืบสวนมาซุ่มดักรอ โดยชายไทยต้องสงสัยได้เดินทางมาพร้อมกับชายชาวต่างชาติ 2 คนด้วยรถยนต์โตโยต้า รุ่นอัลติส ทะเบียน ฌผ 1990 กทม.เข้ามาจอดที่หน้าธนาคาร จากนั้นชาวต่างชาติได้นั่งรออยู่ในรถ และยื่นสมุดบัญชีธนาคารให้ชายไทยลงมาทำการถอนเงิน ส่วนชาวต่างชาติทั้งสองที่นั่งรอกำลังใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทำอะไรบางอย่าง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมด
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนของ บก.ปศท.ได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ นายแอนตอน ไว้แล้ว หลังพบการกระทำผิดในลักษณะนี้กับธนาคารไทยพาณิชย์ มูลค่าความเสียหาย 1.5 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบพบความผิดปกติในการทำธุรกรรมผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มูลค่าความเสียหายอีกหลายล้านบาท จึงนำข้อมูลมาให้ เมื่อทำการสืบสวนก็พบว่า นายแอนตอน ได้ร่วมกับ นายวีนูเชนโก และ นายประเกียรติ กระทำผิดจึงแกะรอยติดตามจับกุมตัวมาได้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาต่างชาติทั้งสองคนในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกด้วย
สอบสวน นายประเกียรติ ให้การว่า เป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์อยู่ที่พัทยา นายวีนูเชนโก และ นายแอนตอน นำรถมาซ่อมบ่อยจนสนิทสนมกัน นายวีนูเชนโกได้มาชักชวนว่า ต้องการหาเงินใช้หรือไม่ แต่ไม่บอกว่างานอะไร และได้เงินเท่าไร ตนได้ตอบตกลง นายวีนูเชนโกจึงนำบัตรประชาชนปลอมในชื่อนายเอื้ออังกูร แต่ใช้ภาพใบหน้าของตนมา ก่อนนำไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร กระทั่งถูกจับกุม ส่วน นายวีนูเชนโก และนายแอนตอนนั้นไม่ยอมให้การใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายวีนูเชนโก นั้น ทางเจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวนกลางสหรัฐ หรือ เอฟบีไอ ได้ประสานขอข้อมูลจากชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. เนื่องจากทางเอฟบีไอมีข้อมูลว่านายวีนูเชนโก ซึ่งเป็นอดีตทหารพลร่มของยูเครน เคยปฏิบัติการอยู่ในประเทศไอวอรีโคสต์นั้นเป็นผู้ต้องสงสัยก่อคดีลักษณะเดียวกันนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกติดตามพฤติกรรมมานานแล้ว
