นครศรีธรรมราช – ผู้ปกครองหนูน้อยวัย 8 ขวบ โร่ร้องผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังพบว่าลูกสาวถูกพ่อเฒ่า วัย 52 ปี ข่มขืนกระทำชำเรามาร่วม 2 ปี เข้าแจ้งความกลับถูกข่มขู่จะฆ่าเด็ก
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (26 พ.ค.)ได้มีพ่อแม่ผู้ปกครองของ ด.ญ.จิ๋ว (นามสมมติ) อายุย่างเข้า 8 ขวบ กำลังจะเข้าเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนประถมศึกษาใน ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย น.ส.หวาน อายุ 22 ปี นักศึกษาสถาบันราชภัฏสุราษฎร์ธานี พี่สาว และชาวบ้านในท้องที่หมู่ 9 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านโครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีที่ ด.ญ.จิ๋ว ถูกนายภิรมย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี บังคับข่มขืนกระทำชำเราอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนมาตั้งแต่ ด.ญ.จิ๋ว อายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล
น.ส.หวาน พี่สาวของ ด.ญ.จิ๋ว เปิดเผยว่า เมื่อ 2 ปี ก่อน ด.ญ.จิ๋ว น้องสาวคนเล็ก เรียนอยู่ชั้นอนุบาล เมื่อกลับจากโรงเรียนก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว เพราะพ่อแม่ของตนออกไปทำประมง ส่วนพี่ๆ น้องๆ ในครอบครัวก็ออกไปทำงานกันหมด จนเมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา ด.ญ.จ้อย อายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งเป็นญาติกันได้ไปฟ้องบอกแม่ว่าถูก นายภิรมย์ กระทำอนาจารลวนลามโดยการไล่กอดจูบ จนต้องวิ่งหนีเป็นประจำ พ่อแม่ของ ด.ญ.จ้อย จึงได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นมาบอกตนและพ่อแม่โดยบอกว่าให้ระมัดระวังดูแล ด.ญ.จิ๋ว ให้ดีๆ เพราะหลังเลิกเรียนต้องอยู่บ้านคนเดียวอาจจะถูกนายภิรมย์ กระทำมิดีมิร้ายเอาได้
“เมื่อพ่อแม่รวมทั้งพี่ๆ น้องๆ กลับมาจากทำงานและตนกลับจากโรงเรียน ตนจึงนำ ด.ญ.จิ๋ว น้องสาวไปอาบน้ำ และตนมีความรู้เรื่องเพศศึกษามาบ้าง จึงถือโอกาสตรวจดูอวัยวะเพศของ ด.ญ.จิ๋ว ก็พบว่า อวัยวะเพศของ ด.ญ.จิ๋ว น้องสาวมีรอยฉีกขาด และช้ำบวม จึงเค้นสอบถาม ด.ญ.จิ๋ว จนยอมเปิดเผยความจริงว่า ถูก นายภิรมย์ บังคับข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล โดย นายภิรมย์ อาศัยช่วงที่ ด.ญ.จิ๋ว อยู่บ้านคนเดียวบุกบังคับข่มขืนกระทำชำเรา และข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกใครหากไม่เชื่อจะฆ่า ด.ญ.จิ๋ว ให้ตาย และจะตามฆ่าพ่อแม่ รวมทั้งพี่ๆ น้องๆ ให้ตายทั้งครอบครัว ด.ญ.จิ๋ว จึงหวาดกลัวไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง ในขณะที่ นายภิรมย์ จะถือโอกาสตอน ด.ญ.จิ๋ว เลิกเรียน และต้องอยู่บ้านคนเดียวบุกบังคับข่มขืนมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2 ปี”
น.ส.หวาน พี่สาวของ ด.ญ.จิ๋ว เล่าต่อไปว่า หลังจากทราบเรื่องจริง ตนและพ่อแม่จึงนำ ด.ญ.จิ๋ว ไปแจ้งความกับ ร.ต.ท.ประภาส ศรีสังข์จร พนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเดินคดีกับ นายภิรมย์ หลังจากนั้นประมาณ 3 อาทิตย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหมายเรียกนายภิรมย์ ไปพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และทางตำรวจได้ปล่อยตัวนายภิรมย์ กลับมาในวันเดียวกัน โดยบอกว่าตามระเบียบกฎหมายใหม่เมื่อยังไม่มีหมายจับตำรวจจะไม่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้
เมื่อกลับมาถึงในหมู่บ้าน นายภิรมย์ ก็จะป่าวประกาศว่าหากใครดำเนินคดีกับตัวเอง ทั้งครอบครัวของตนและครอบครัวของ ด.ญ.จ้อย ที่นายภิรมย์ เคยกระทำอนาจารลวนลาม ก็จะจับ ด.ญ.จิ๋ว และ ด.ญ.จ้อย ไปเชือดคอให้ตายคามือ และจะยอมติดคุกแม้จะติดคุกไปจนตายก็ตาม นอกจากนี้ นายภิรมย์ ยังข่มขู่ครอบครัวของตนมาโดยตลอดจนเกิดอาการผวากลัวว่านายภิรมย์ จะบุกเข้าทำร้าย
ทางด้าน นายพงศ์ (นามสมมติ) บิดาของ ด.ญ.จิ๋ว กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความสลดหดหู่ใจให้กับครอบครัวของตนเป็นอย่างมาก ตนสงสาร ด.ญ.จิ๋ว ลูกสาวเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่านายภิรมย์ จะกระทำกับ ด.ญ.จิ๋ว ได้ถึงขนาดนี้ และตนไม่แน่ใจว่าจะมีเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้านตกเป็นเหยื่อกามของนายภิรมย์อีกหรือไม่ โดยในขณะนี้เด็กผู้หญิงทุกคนในหมู่บ้านจะหวาดกลัวนายภิรมย์ ถึงขนาดหากพบหรือเห็นหน้านายภิรมย์ เด็กในหมู่บ้านทุกคนจะวิ่งหนี
โดยเฉพาะ ด.ญ.จิ๋ว จะกลัวมาก แค่ได้ยินชื่อนายภิรมย์ ด.ญ.จิ๋ว ก็จะหวีดร้อง ตัวสั่นวิ่งเข้ากอดพ่อแม่หรือพี่ๆ ทันที บางครั้งที่เจอหน้านายภิรมย์ ด.ญ.จิ๋ว หวีดร้องเสียงหลง และวิ่งหนีสุดชีวิต ตัวสั่นถึงกับจับไข้ไปเลยก็มี เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลต่อสุขภาพจิตของเด็กเป็นอย่างมาก ในขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องคอยระมัดระวังไม่ให้บุตรหลานห่างจากสายตา และสั่งให้ทุกคนระมัดระวังอย่าไปไหนคนเดียว และอย่าเข้าใกล้นายภิรมย์ จนพ่อแม่ผู้ปกครองแทบไม่ได้ทำงานทำการ ในขณะที่ นายภิรมย์ ไม่ได้สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเดินเที่ยวเตร่ป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้าน
“จึงอยากให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หาทางช่วยเหลือ เร่งรัดคดีให้ตำรวจส่งตัวนายภิรมย์ฟ้องศาลเพื่อศาลจะได้ตัดสินจำคุกนายภิรมย์ คนในหมู่บ้านโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงจะได้หายจากอาการหวาดผวากลัวนายภิรมย์เสียที หรือขอให้ตำรวจหากช่องทางตามกฎหมายในการควบคุมตัวนายภิรมย์ เอาไว้ในฐานะผู้ต้องหาและจะต้องไม่ให้ประกันตัวออกมาด้วย
พ.ต.อ.วีระพล มั่นเมือง ผกก.สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจได้ดำเนินการไปตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย และไม่มีอำนาจที่จะควบคุมตัวนายภิรมย์ ผู้ต้องหาได้เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง โดยยังไม่มีหมายจับ ตำรวจทำได้แค่แจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำเบื้องต้นและปล่อยตัวนายภิรมย์ ไป
อย่างไรก็ตาม ตำรวจกำลังเร่งสรุปสำนวนเพื่อรีบส่งฟ้องศาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งกำลังรอผลของแพทย์ รพ.ปากพนัง ที่ทำการตรวจร่างกายของ ด.ญ.จิ๋ว ผู้เสียหาย หากได้รับก็สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป ส่วนกรณีที่ นายภิรมย์ ผู้ต้องหาไปข่มขู่ผู้เสียหายหรือพยาน ทางผู้เสียหายและพยานสามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนคนเดิมก็ได้
“ตำรวจจะได้เรียก นายภิรมย์ มากำชับห้ามไปข่มขู่ ยุ่งเกี่ยวด้วยประการใดๆ กับผู้เสียหายหรือพยาน หากฝ่าฝืนตำรวจก็สามารถใช้เป็นข้ออ้างเสนอขอหมายจับกุมจากศาลได้ ซึ่งตนจะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด” ผกก.สภ.ปากพนัง กล่าวในที่สุด
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (26 พ.ค.)ได้มีพ่อแม่ผู้ปกครองของ ด.ญ.จิ๋ว (นามสมมติ) อายุย่างเข้า 8 ขวบ กำลังจะเข้าเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนประถมศึกษาใน ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย น.ส.หวาน อายุ 22 ปี นักศึกษาสถาบันราชภัฏสุราษฎร์ธานี พี่สาว และชาวบ้านในท้องที่หมู่ 9 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านโครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีที่ ด.ญ.จิ๋ว ถูกนายภิรมย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี บังคับข่มขืนกระทำชำเราอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนมาตั้งแต่ ด.ญ.จิ๋ว อายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล
น.ส.หวาน พี่สาวของ ด.ญ.จิ๋ว เปิดเผยว่า เมื่อ 2 ปี ก่อน ด.ญ.จิ๋ว น้องสาวคนเล็ก เรียนอยู่ชั้นอนุบาล เมื่อกลับจากโรงเรียนก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว เพราะพ่อแม่ของตนออกไปทำประมง ส่วนพี่ๆ น้องๆ ในครอบครัวก็ออกไปทำงานกันหมด จนเมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา ด.ญ.จ้อย อายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งเป็นญาติกันได้ไปฟ้องบอกแม่ว่าถูก นายภิรมย์ กระทำอนาจารลวนลามโดยการไล่กอดจูบ จนต้องวิ่งหนีเป็นประจำ พ่อแม่ของ ด.ญ.จ้อย จึงได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นมาบอกตนและพ่อแม่โดยบอกว่าให้ระมัดระวังดูแล ด.ญ.จิ๋ว ให้ดีๆ เพราะหลังเลิกเรียนต้องอยู่บ้านคนเดียวอาจจะถูกนายภิรมย์ กระทำมิดีมิร้ายเอาได้
“เมื่อพ่อแม่รวมทั้งพี่ๆ น้องๆ กลับมาจากทำงานและตนกลับจากโรงเรียน ตนจึงนำ ด.ญ.จิ๋ว น้องสาวไปอาบน้ำ และตนมีความรู้เรื่องเพศศึกษามาบ้าง จึงถือโอกาสตรวจดูอวัยวะเพศของ ด.ญ.จิ๋ว ก็พบว่า อวัยวะเพศของ ด.ญ.จิ๋ว น้องสาวมีรอยฉีกขาด และช้ำบวม จึงเค้นสอบถาม ด.ญ.จิ๋ว จนยอมเปิดเผยความจริงว่า ถูก นายภิรมย์ บังคับข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล โดย นายภิรมย์ อาศัยช่วงที่ ด.ญ.จิ๋ว อยู่บ้านคนเดียวบุกบังคับข่มขืนกระทำชำเรา และข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกใครหากไม่เชื่อจะฆ่า ด.ญ.จิ๋ว ให้ตาย และจะตามฆ่าพ่อแม่ รวมทั้งพี่ๆ น้องๆ ให้ตายทั้งครอบครัว ด.ญ.จิ๋ว จึงหวาดกลัวไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง ในขณะที่ นายภิรมย์ จะถือโอกาสตอน ด.ญ.จิ๋ว เลิกเรียน และต้องอยู่บ้านคนเดียวบุกบังคับข่มขืนมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2 ปี”
น.ส.หวาน พี่สาวของ ด.ญ.จิ๋ว เล่าต่อไปว่า หลังจากทราบเรื่องจริง ตนและพ่อแม่จึงนำ ด.ญ.จิ๋ว ไปแจ้งความกับ ร.ต.ท.ประภาส ศรีสังข์จร พนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเดินคดีกับ นายภิรมย์ หลังจากนั้นประมาณ 3 อาทิตย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหมายเรียกนายภิรมย์ ไปพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และทางตำรวจได้ปล่อยตัวนายภิรมย์ กลับมาในวันเดียวกัน โดยบอกว่าตามระเบียบกฎหมายใหม่เมื่อยังไม่มีหมายจับตำรวจจะไม่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้
เมื่อกลับมาถึงในหมู่บ้าน นายภิรมย์ ก็จะป่าวประกาศว่าหากใครดำเนินคดีกับตัวเอง ทั้งครอบครัวของตนและครอบครัวของ ด.ญ.จ้อย ที่นายภิรมย์ เคยกระทำอนาจารลวนลาม ก็จะจับ ด.ญ.จิ๋ว และ ด.ญ.จ้อย ไปเชือดคอให้ตายคามือ และจะยอมติดคุกแม้จะติดคุกไปจนตายก็ตาม นอกจากนี้ นายภิรมย์ ยังข่มขู่ครอบครัวของตนมาโดยตลอดจนเกิดอาการผวากลัวว่านายภิรมย์ จะบุกเข้าทำร้าย
ทางด้าน นายพงศ์ (นามสมมติ) บิดาของ ด.ญ.จิ๋ว กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความสลดหดหู่ใจให้กับครอบครัวของตนเป็นอย่างมาก ตนสงสาร ด.ญ.จิ๋ว ลูกสาวเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่านายภิรมย์ จะกระทำกับ ด.ญ.จิ๋ว ได้ถึงขนาดนี้ และตนไม่แน่ใจว่าจะมีเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้านตกเป็นเหยื่อกามของนายภิรมย์อีกหรือไม่ โดยในขณะนี้เด็กผู้หญิงทุกคนในหมู่บ้านจะหวาดกลัวนายภิรมย์ ถึงขนาดหากพบหรือเห็นหน้านายภิรมย์ เด็กในหมู่บ้านทุกคนจะวิ่งหนี
โดยเฉพาะ ด.ญ.จิ๋ว จะกลัวมาก แค่ได้ยินชื่อนายภิรมย์ ด.ญ.จิ๋ว ก็จะหวีดร้อง ตัวสั่นวิ่งเข้ากอดพ่อแม่หรือพี่ๆ ทันที บางครั้งที่เจอหน้านายภิรมย์ ด.ญ.จิ๋ว หวีดร้องเสียงหลง และวิ่งหนีสุดชีวิต ตัวสั่นถึงกับจับไข้ไปเลยก็มี เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลต่อสุขภาพจิตของเด็กเป็นอย่างมาก ในขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องคอยระมัดระวังไม่ให้บุตรหลานห่างจากสายตา และสั่งให้ทุกคนระมัดระวังอย่าไปไหนคนเดียว และอย่าเข้าใกล้นายภิรมย์ จนพ่อแม่ผู้ปกครองแทบไม่ได้ทำงานทำการ ในขณะที่ นายภิรมย์ ไม่ได้สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเดินเที่ยวเตร่ป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้าน
“จึงอยากให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หาทางช่วยเหลือ เร่งรัดคดีให้ตำรวจส่งตัวนายภิรมย์ฟ้องศาลเพื่อศาลจะได้ตัดสินจำคุกนายภิรมย์ คนในหมู่บ้านโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงจะได้หายจากอาการหวาดผวากลัวนายภิรมย์เสียที หรือขอให้ตำรวจหากช่องทางตามกฎหมายในการควบคุมตัวนายภิรมย์ เอาไว้ในฐานะผู้ต้องหาและจะต้องไม่ให้ประกันตัวออกมาด้วย
พ.ต.อ.วีระพล มั่นเมือง ผกก.สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจได้ดำเนินการไปตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย และไม่มีอำนาจที่จะควบคุมตัวนายภิรมย์ ผู้ต้องหาได้เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง โดยยังไม่มีหมายจับ ตำรวจทำได้แค่แจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำเบื้องต้นและปล่อยตัวนายภิรมย์ ไป
อย่างไรก็ตาม ตำรวจกำลังเร่งสรุปสำนวนเพื่อรีบส่งฟ้องศาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งกำลังรอผลของแพทย์ รพ.ปากพนัง ที่ทำการตรวจร่างกายของ ด.ญ.จิ๋ว ผู้เสียหาย หากได้รับก็สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป ส่วนกรณีที่ นายภิรมย์ ผู้ต้องหาไปข่มขู่ผู้เสียหายหรือพยาน ทางผู้เสียหายและพยานสามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนคนเดิมก็ได้
“ตำรวจจะได้เรียก นายภิรมย์ มากำชับห้ามไปข่มขู่ ยุ่งเกี่ยวด้วยประการใดๆ กับผู้เสียหายหรือพยาน หากฝ่าฝืนตำรวจก็สามารถใช้เป็นข้ออ้างเสนอขอหมายจับกุมจากศาลได้ ซึ่งตนจะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด” ผกก.สภ.ปากพนัง กล่าวในที่สุด
