นครศรีธรรมราช – ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งเร่งดำเนินคดีแก๊งลักทรัพย์และเผาบ้าน หลังจากเกิดเหตุในเดือนเดียวกัน 7 คดี รวด หวั่นฝีมือแรงงานพม่า หลังพบว่าเริ่มทยอยตกงาน
วันนี้ (3 มี.ค.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้เลขานุการการประชุมความมั่นคงระดับจังหวัดนำเอากรณีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์แล้วเผาบ้านเจ้าทรัพย์ในพื้นที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เข้าประชุมอย่างเร่งด่วนหลังจากทราบว่าพฤติกรรมของคนร้ายได้สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
โดยกรณีคนร้ายก่อเหตุดังกล่าวนั้นได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยรายแรกนั้นได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์บ้านพักของ น.ส.สริลา วราลักษณ์ เลขที่ 331/1 ม.7 ต.ขนอม อ.ขนอม รายที่ 2.บ้านพักของ นางโสภาพรรณ กลิ่นหอม อยู่ 31/2 ม.7 ต.ขนอม อ.ขนอม รายที่ 3.บ้านพักของนายรมแก้ว เข็มสม อยู่ 97/2 ม.7 ต.ขนอม อ.ขนอม รายที่ 4.บ้านพักนายสุรินทร์ กาญจนถิ่น เลขที่ 129/2 ม.1 ต.ขนอม และรายที่ 5 บ้านเลขที่ 53/1 ม.3 ต.ขนอม อ.ขนอม ซึ่งพฤติกรรมนั้นคนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์หลายรายการ จากนั้นก่อนหลบหนีจะมีการวางเพลิงเผาบ้าน ซึ่งได้รับความเสียหายมากน้อยตามลำดับ
นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วจากนายอำเภอขนอมขณะนี้รู้ตัวบุคคลทั้งคนเดียวและกลุ่มที่มีคนร่วมทำงานอยู่ด้วยไม่เกิน 3 คน ได้มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน์ เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รับผิดชอบในพื้นที่อำเภอขนอม เป็นหัวหน้าคณะทำงานจัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องภายในช่วงเย็นวันนี้ 3 มีนาคม 2552 อย่างน้อยพี่น้องประชาชนจะได้รับทราบว่าขณะนี้จังหวัดได้ลงมาติดตามเรื่องดังกล่าวแล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่ออีกว่า ที่สำคัญกลุ่มคนที่ประพฤติมิชอบในขณะนี้ได้รู้ตัวว่า เวลานี้ถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่แล้ว คิดว่า สถานการณ์จากนี้ไปจะดีขึ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีทั้งหมด 8 หลังเสียหายมากบ้างน้อยบ้าง ทางการช่วยเหลือขณะนี้นายอำเภอขนอมได้ช่วยเหลือเป็นเบื้องต้นไปแล้ว
“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ตนคิดว่า น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เป็นเรื่องของความขัดแย้งปนอยู่ด้วยคงต้องมองหลายประเด็น อย่างน้อยที่สุดเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งด้วยกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามก็มองเห็นพฤติกรรมการก่อเหตุเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาดูกัน ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่มีแก๊งมิจฉาชีพก่อเหตุเช่นนี้ หรือมันมีอะไรที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ผมมั่นใจทุกอย่างคลี่คลายไปได้”
พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที ผกก.สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เหตุเกิดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เดือนเดียวกัน 7 คดี แยกเป็นคดีเพลิงไหม้บ้านอย่างเดียว 2 คดี ลักทรัพย์ 2 คดี และลักทรัพย์วางเพลิง 3 คดี ซึ่ง 3 คดีหลังนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองวิทยาการจัดการว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร เจ้าทุกข์ก็ออกมายืนยันว่าถูกลักทรัพย์ ตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า ตอนนี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว กำลังอยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐาน คิดว่า เป็นเหตุลักทรัพย์ และใบปลิวที่ออกโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องลักทรัพย์ แต่เป็นเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่ตลาด ผู้เสียผลประโยชน์เกิดความไม่พอใจกับการทำงานของตำรวจ จึงออกใบปลิวโจมตีทุกๆ เรื่องรวมถึงเรื่องลักทรัพย์ด้วย เจ้าทุกข์ทราบเรื่องดีไม่ได้โกรธตำรวจ เมื่อเช้านี้ก็ได้มีการชี้แจงในที่ประชุมประจำเดือนของอำเภอขนอมเรียบร้อยแล้ว
“ผมได้แจ้งในที่ประชุมตั้งแต่เดือนที่แล้วว่า ขอกล้องโทรทัศน์วงจรปิดติดตั้งในย่านชุมชน เพราะจะได้ช่วยกันดูแลกัน ลำพังตำรวจจะไปนั่งเฝ้าคงไม่ได้ การติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดในย่านชุมชนหรือตามแหล่งต่างๆ เป็นการช่วยป้องกันและสามารถช่วยคลี่คลายคดีลงไปได้ ขอความกรุณาจากทางจังหวัดผ่านทางสื่อถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยอนุมัติให้ตำรวจด้วย”
นายศุภโยค จริยะวัฒนา กำนันตำบลขนอม อ.ขนอม กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นมีทั้งตำบลขนอม และตำบลควนทอง เกิดเหตุสลับกันจึงตั้งข้อสังเกตได้ว่าต้องเป็นคนคนเดียวกัน อย่าให้ซ้ำจะได้จับไม่ได้ วันนี้ลักทรัพย์ตำบลนี้ ถัดมาอีก 2-3 วันลักทรัพย์อีกตำบลหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุจะมีคนเห็นบุคคลต้องสงสัยเดินวนเวียนอยู่แถวๆ นั้น ถัดมาอีกไม่นานก็เกิดเหตุอยู่แถวๆ หลังอำเภอ
“คนทำต้องรู้ดีว่าบ้านหลังนี้ทำอะไร รู้ว่าบ้านหลังนี้นำยางแผ่นไปขายกลับมาช่วงเวลาใด บ้านอยู่ไม่ห่างกันมากนัก หลังจากที่ชาวบ้านช่วยกันบอกกล่าวแล้วผู้ต้องสงสัยรายนี้หายไป ตำรวจไม่ปิดความลับให้ชาวบ้านแล้วชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร” กำนันตำบลขนอม กล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าคนร้ายเป็นกลุ่มคนในหมู่บ้าน เนื่องจากพฤติกรรมเป็นพฤติกรรมที่โหดร้ายไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งขณะนี้ส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังมองไปที่กลุ่มชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ใน อ.ขนอม มีเป็นจำนวนมาก มีทั้งชาวพม่าและชาวโรฮิงยา ที่กำลังเป็นข่าว
ส่วนหนึ่งทยอยตกงาน เนื่องจากกิจการเรือประมงค่อยๆ เลิกจ้าง มีทั้งประเภทถูกกฎหมายและแรงงานเถื่อน กำลังเฝ้าระวังและติดตามคนกลุ่มนี้ถึงถิ่นฐานอาศัยหลังจากตกงาน มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นกลุ่มนี้ เนื่องจากดูพฤติกรรมแล้วถือว่าโหดและเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นคล้ายๆ กับที่พม่า
วันนี้ (3 มี.ค.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้เลขานุการการประชุมความมั่นคงระดับจังหวัดนำเอากรณีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์แล้วเผาบ้านเจ้าทรัพย์ในพื้นที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เข้าประชุมอย่างเร่งด่วนหลังจากทราบว่าพฤติกรรมของคนร้ายได้สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
โดยกรณีคนร้ายก่อเหตุดังกล่าวนั้นได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยรายแรกนั้นได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์บ้านพักของ น.ส.สริลา วราลักษณ์ เลขที่ 331/1 ม.7 ต.ขนอม อ.ขนอม รายที่ 2.บ้านพักของ นางโสภาพรรณ กลิ่นหอม อยู่ 31/2 ม.7 ต.ขนอม อ.ขนอม รายที่ 3.บ้านพักของนายรมแก้ว เข็มสม อยู่ 97/2 ม.7 ต.ขนอม อ.ขนอม รายที่ 4.บ้านพักนายสุรินทร์ กาญจนถิ่น เลขที่ 129/2 ม.1 ต.ขนอม และรายที่ 5 บ้านเลขที่ 53/1 ม.3 ต.ขนอม อ.ขนอม ซึ่งพฤติกรรมนั้นคนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์หลายรายการ จากนั้นก่อนหลบหนีจะมีการวางเพลิงเผาบ้าน ซึ่งได้รับความเสียหายมากน้อยตามลำดับ
นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วจากนายอำเภอขนอมขณะนี้รู้ตัวบุคคลทั้งคนเดียวและกลุ่มที่มีคนร่วมทำงานอยู่ด้วยไม่เกิน 3 คน ได้มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน์ เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รับผิดชอบในพื้นที่อำเภอขนอม เป็นหัวหน้าคณะทำงานจัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องภายในช่วงเย็นวันนี้ 3 มีนาคม 2552 อย่างน้อยพี่น้องประชาชนจะได้รับทราบว่าขณะนี้จังหวัดได้ลงมาติดตามเรื่องดังกล่าวแล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่ออีกว่า ที่สำคัญกลุ่มคนที่ประพฤติมิชอบในขณะนี้ได้รู้ตัวว่า เวลานี้ถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่แล้ว คิดว่า สถานการณ์จากนี้ไปจะดีขึ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีทั้งหมด 8 หลังเสียหายมากบ้างน้อยบ้าง ทางการช่วยเหลือขณะนี้นายอำเภอขนอมได้ช่วยเหลือเป็นเบื้องต้นไปแล้ว
“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ตนคิดว่า น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เป็นเรื่องของความขัดแย้งปนอยู่ด้วยคงต้องมองหลายประเด็น อย่างน้อยที่สุดเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งด้วยกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามก็มองเห็นพฤติกรรมการก่อเหตุเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาดูกัน ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่มีแก๊งมิจฉาชีพก่อเหตุเช่นนี้ หรือมันมีอะไรที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ผมมั่นใจทุกอย่างคลี่คลายไปได้”
พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที ผกก.สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เหตุเกิดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เดือนเดียวกัน 7 คดี แยกเป็นคดีเพลิงไหม้บ้านอย่างเดียว 2 คดี ลักทรัพย์ 2 คดี และลักทรัพย์วางเพลิง 3 คดี ซึ่ง 3 คดีหลังนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองวิทยาการจัดการว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร เจ้าทุกข์ก็ออกมายืนยันว่าถูกลักทรัพย์ ตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า ตอนนี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว กำลังอยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐาน คิดว่า เป็นเหตุลักทรัพย์ และใบปลิวที่ออกโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องลักทรัพย์ แต่เป็นเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่ตลาด ผู้เสียผลประโยชน์เกิดความไม่พอใจกับการทำงานของตำรวจ จึงออกใบปลิวโจมตีทุกๆ เรื่องรวมถึงเรื่องลักทรัพย์ด้วย เจ้าทุกข์ทราบเรื่องดีไม่ได้โกรธตำรวจ เมื่อเช้านี้ก็ได้มีการชี้แจงในที่ประชุมประจำเดือนของอำเภอขนอมเรียบร้อยแล้ว
“ผมได้แจ้งในที่ประชุมตั้งแต่เดือนที่แล้วว่า ขอกล้องโทรทัศน์วงจรปิดติดตั้งในย่านชุมชน เพราะจะได้ช่วยกันดูแลกัน ลำพังตำรวจจะไปนั่งเฝ้าคงไม่ได้ การติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดในย่านชุมชนหรือตามแหล่งต่างๆ เป็นการช่วยป้องกันและสามารถช่วยคลี่คลายคดีลงไปได้ ขอความกรุณาจากทางจังหวัดผ่านทางสื่อถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยอนุมัติให้ตำรวจด้วย”
นายศุภโยค จริยะวัฒนา กำนันตำบลขนอม อ.ขนอม กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นมีทั้งตำบลขนอม และตำบลควนทอง เกิดเหตุสลับกันจึงตั้งข้อสังเกตได้ว่าต้องเป็นคนคนเดียวกัน อย่าให้ซ้ำจะได้จับไม่ได้ วันนี้ลักทรัพย์ตำบลนี้ ถัดมาอีก 2-3 วันลักทรัพย์อีกตำบลหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุจะมีคนเห็นบุคคลต้องสงสัยเดินวนเวียนอยู่แถวๆ นั้น ถัดมาอีกไม่นานก็เกิดเหตุอยู่แถวๆ หลังอำเภอ
“คนทำต้องรู้ดีว่าบ้านหลังนี้ทำอะไร รู้ว่าบ้านหลังนี้นำยางแผ่นไปขายกลับมาช่วงเวลาใด บ้านอยู่ไม่ห่างกันมากนัก หลังจากที่ชาวบ้านช่วยกันบอกกล่าวแล้วผู้ต้องสงสัยรายนี้หายไป ตำรวจไม่ปิดความลับให้ชาวบ้านแล้วชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร” กำนันตำบลขนอม กล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าคนร้ายเป็นกลุ่มคนในหมู่บ้าน เนื่องจากพฤติกรรมเป็นพฤติกรรมที่โหดร้ายไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งขณะนี้ส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังมองไปที่กลุ่มชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ใน อ.ขนอม มีเป็นจำนวนมาก มีทั้งชาวพม่าและชาวโรฮิงยา ที่กำลังเป็นข่าว
ส่วนหนึ่งทยอยตกงาน เนื่องจากกิจการเรือประมงค่อยๆ เลิกจ้าง มีทั้งประเภทถูกกฎหมายและแรงงานเถื่อน กำลังเฝ้าระวังและติดตามคนกลุ่มนี้ถึงถิ่นฐานอาศัยหลังจากตกงาน มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นกลุ่มนี้ เนื่องจากดูพฤติกรรมแล้วถือว่าโหดและเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นคล้ายๆ กับที่พม่า