นครศรีธรรมราช - ม็อบยึดถนนปิด สำนักงานป่าไม้นครศรีธรรมราชนับเดือน ขอป่า 8.3 หมื่นไร่ทำกิน ลวงจ่ายเงินรายหัวอ้างได้ที่ดิน-จนท.สุดทนงัด กม.เล่นงาน-รื้อเปิดถนนนักเรียนชาวบ้านเฮ
วันที่ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่หน้าสำนักงานป่าไม้จังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนจังหวัดนครศรีธรรมราช นำโดย นายสมยศ ขำเกิด ได้ปิดเส้นทางอย่างสิ้นเชิงโดยประชาชนไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวมาเป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 1 เดือน
โดยใช้เต็นท์ขนาดใหญ่ 6 หลัง ปักหลักพักค้างมีชาวบ้านในเครือข่ายหมุนเวียนมาร่วมปิดถนนชุมนุมราว 200 คนทุกวัน เพื่อเรียกร้องให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 ดำเนินการจัดสรรพื้นที่ป่าคลองฆ็อง, ป่าควนเคร็ง, ป่าช้างข้าม ซึ่งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อ รวมกว่า 8.3 หมื่นไร่ให้กับกลุ่มเครือข่ายเข้าทำกินรายละ 15 ไร่ รวมราว 3,000 ราย
โดยตลอดเวลากว่า 1 เดือนนั้น เส้นทางดังกล่าวถูกปิดอย่างสิ้นเชิง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งผู้ประกอบการร้านค้าในย่านดังกล่าว และกลุ่มจักรยานยนต์รับจ้างวินป่าไม้ และหลังจากที่วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช เปิดการศึกษาได้ส่งผลกระทบกับนักเรียนนักศึกษาจนกระทั่งมีการร้องเรียนไปยัง นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมให้เคลื่อนย้ายออกไปจากผิวจราจร โดย นายภาณุ ได้สั่งการให้ นายบุญวัฒน์ ชีช้าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ดำเนินการในกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนรวม
โดย นายบุญวัฒน์ ชีช้าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวทุกฝ่าย ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายโดยให้พนักงานจราจร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ประกาศให้มีการเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางการจราจรออกจากพื้นที่ และให้เคลื่อนย้ายไปชุมนุมยังศาลาประดู่หก ถ.ราชดำเนิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดไว้รองรับกลุ่มผู้ชุมนุม และมี พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เข้าเจรจาให้มีการเคลื่อนย้ายทุกอย่างออกจากผิวจราจร
ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปฏิเสธ และอ้างว่า จะเคลื่อนย้ายเอง พร้อมทั้งอ้างว่าต้องรอให้มีการตรวจสอบพื้นที่ป่าที่ต้องการให้แล้วเสร็จ และจัดสรรให้มีการเช่าที่ดินก่อนจึงจะย้ายออก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันที่จะให้มีการรื้อถอนออกในทันที หลังจากนั้น จึงเข้าทำการรื้อถอนเต๊นส์ และโรงครัว รวมทั้งสัมภาระต่างๆโดยรถยนต์บรรทุกหกล้อได้บริการส่งของทั้งหมดไปยังศาลาประดู่หกท่ามกลางความตึงเครียดแต่ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ
นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) เปิดเผยว่า ในการเรียกร้องของกลุ่มอ้างว่าเป็นเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนนั้น ส่วนนี่เป็นกลุ่มที่เคยเข้าไปยึดพื้นที่สวนปาล์มของเอกชนในจังหวัดกระบี่ และกลับมาใช้ช่องทางทำนองเดียวกันต้องการป่าเสื่อมโทรมเข้าทำกิน และมีเป้าหมายพื้นที่ป่าในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อราว 8.3 หมื่นไร่ และต้องการที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจพื้นที่ป่า
เพื่อจัดสรรป่าเสื่อมโทรมให้กับเครือข่ายรายละ 15 ไร่ มาให้เกษตรกรในเครือข่ายเช่าทำกิน ก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจพื้นที่เท่านั้น แต่ปรากฏว่า ในหนังสือคำสั่งนั้นถูกนำไปอ้างจากแกนนำบางรายเป็นเครื่องมือไปเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านรายละ 5 พันบาทโดยอ้างว่าเป็นค่าจัดการที่เจ้าหน้าที่เข้าไปรังวัดจัดสรรที่ดิน ซึ่งชาวบ้านได้หลงเชื่อไปจำนวนมากยอมจ่ายเงินให้กับแกนนำ จึงสั่งการให้ทีมสำรวจพื้นที่หยุดทันที
“จากการติดตามพบว่ามีกลุ่มที่เคลื่อนไหวในลักษณะนี้อยู่ 3 กลุ่มก่อนหน้านี้มีกลุ่มที่ไประดมชาวบ้านอ้างว่าทำเป็นเครือข่ายไปเปิดบัญชีตามธนาคาร โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อรอรับเงินจากรัฐบาลรายละ 2 แสนและที่ดิน 15 ไร่ ซึ่งครั้งนั้นได้ชี้แจงถึงการหลอกลวงของกลุ่มคนพวกนี้ที่อาศัยความลำบากของประชาชนทำมาหากิน ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานในการดำเนินการฐานหลอกลวงประชาชน” ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) กล่าว
ขณะที่ นายสมยศ ขำเกิด ประธานกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจน เปิดเผยว่า ทางเครือข่ายต้องการพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กับสมาชิกราว 3 พันคน ซึ่งต้องการให้ทางการเข้าไปสำรวจหากสามารถเช่าได้ ต้องการที่จะเช่าเพื่อทำกิน ในการมาปิดถนนนั้นเราไม่ได้ประท้วงแต่เราต้องการรอคำตอบว่าจะเข้าไปสำรวจได้เมื่อไหร่ และจะมีการตั้งคณะกรรมการกลางอย่างไร ซึ่งหากมีการดำเนินการเราพร้อมที่จะสลายตัวไปเอง ส่วนการเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านนั้นยืนยันว่ากลุ่มเครือข่ายไม่มีการหลอกลวงชาวบ้านอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนเปิดเส้นทางการจราจรกลุ่มชาวบ้านคงเหลือเพียงราว 20 คนเท่านั้น ท่ามกลางความดีใจของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะศึกษานครศรีธรรมราช และชาวบ้านผู้ประกอบธุรกิจในย่านดังกล่าว และมีรายงานข้อมูลแกนนำบางรายว่าในการเคลื่อนไหวนั้นสามารถที่จะซื้อรถป้ายแดงใหม่เอี่ยมจากเงินที่เก็บจากชาวบ้าน โดยที่ชาวบ้านนั้นกลายเป็นเหยื่ออย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากต้องการที่ดินทำกิน