ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมที่ดินให้ความรู้กฎหมายอาคารชุดกับผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรก จากที่มีการลงทุนก่อสร้างอาคารชุดจำนวนมาก เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในการประกอบกิจการ ที่ไม่ให้เกิดการร้องเรียนตามมา
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่ห้องลายัน โรงแรมลากูน่า บีช รีสอร์ท นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอาคารชุดแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอาคารชุด ภาคประชาสังคม ซึ่งทางสำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน จัดขึ้น
โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องในอาคารชุดทุกภาคส่วน ได้แก่ ผู้ประกอบการ เจ้าของร่วมในอาคารชุด ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด และคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดจากจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงเข้าร่วมจำนวนประมาณ 400 คน
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในกฎหมายอาคารชุด ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในอาคารชุด ผู้ประกอบการเข้าใจถึงภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ซื้อ เจ้าของร่วมที่พักอาศัยอยู่ในอาคารชุดรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองและปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดและคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง โปร่งใสและเป็นธรรม โดยครั้งนี้จัดขึ้นครั้งแรก และครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ
โดยเลือกจัดสัมมนาที่ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีโครงการก่อสร้างอาคารชุดหรือคอนโดมีเนียมมากที่สุด โดยได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างชาติ รวมทั้งมูลค่าของที่ดินและจุดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้มีการสะท้อนปัญหาเพื่อนำไปใช้วิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำรวบรวมและนำไปใช้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า อาคารชุดในประเทศไทยได้เกิดขึ้นครั้งแรกตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 นับจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว ที่ผ่านมา กรมที่ดินได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดในอาคารชุดเป็นจำนวนมาก มีทั้งร้องเรียนมายังกรมที่ดินโดยตรง และร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย ปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปัญหาที่เกิดจากผู้ประกอบการหรือเจ้าของโครงการอาคารชุดที่ก่อสร้างอาคารชุดไม่ตรงตามที่ได้โฆษณาไว้ ปัญหาที่เกิดจากผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง
เช่น ไม่ยอมออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ นิติบุคคลอาคารชุดเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ไม่เป็นธรรม หรือปัญหาเจ้าของร่วมไม่ยอมจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนกลางและไม่ปฏิบัติตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้มีอย่างต่อเนื่อง และทวีความรุนแรงจนกลายเป็นปัญหาของสังคม
ดังจะเห็นได้จากการร้องเรียนที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ทั้งวิทยุและโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2551 กรมที่ดินจึงได้เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาคารชุดโดยได้มีการตราพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2551 ซึ่งการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น มีการกำหนดหน้าที่ของผู้ประกอบการ เจ้าของร่วมผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด คณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด
ทั้งนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอาคารชุด แต่อย่างไรก็ดี การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ไปจากเดิมเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดความสับสน ไม่เข้าใจ และปฏิบัติไม่ถูกต้อง จากปัญหาดังกล่าวทางสำนักงานส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายอาคารชุด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายอาคารชุด โดยเน้นไปที่ภาคประชาสังคม เพราะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่ห้องลายัน โรงแรมลากูน่า บีช รีสอร์ท นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอาคารชุดแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอาคารชุด ภาคประชาสังคม ซึ่งทางสำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน จัดขึ้น
โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องในอาคารชุดทุกภาคส่วน ได้แก่ ผู้ประกอบการ เจ้าของร่วมในอาคารชุด ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด และคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดจากจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงเข้าร่วมจำนวนประมาณ 400 คน
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในกฎหมายอาคารชุด ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในอาคารชุด ผู้ประกอบการเข้าใจถึงภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ซื้อ เจ้าของร่วมที่พักอาศัยอยู่ในอาคารชุดรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองและปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดและคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง โปร่งใสและเป็นธรรม โดยครั้งนี้จัดขึ้นครั้งแรก และครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ
โดยเลือกจัดสัมมนาที่ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีโครงการก่อสร้างอาคารชุดหรือคอนโดมีเนียมมากที่สุด โดยได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างชาติ รวมทั้งมูลค่าของที่ดินและจุดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้มีการสะท้อนปัญหาเพื่อนำไปใช้วิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำรวบรวมและนำไปใช้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า อาคารชุดในประเทศไทยได้เกิดขึ้นครั้งแรกตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 นับจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว ที่ผ่านมา กรมที่ดินได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดในอาคารชุดเป็นจำนวนมาก มีทั้งร้องเรียนมายังกรมที่ดินโดยตรง และร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย ปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปัญหาที่เกิดจากผู้ประกอบการหรือเจ้าของโครงการอาคารชุดที่ก่อสร้างอาคารชุดไม่ตรงตามที่ได้โฆษณาไว้ ปัญหาที่เกิดจากผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง
เช่น ไม่ยอมออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ นิติบุคคลอาคารชุดเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ไม่เป็นธรรม หรือปัญหาเจ้าของร่วมไม่ยอมจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนกลางและไม่ปฏิบัติตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้มีอย่างต่อเนื่อง และทวีความรุนแรงจนกลายเป็นปัญหาของสังคม
ดังจะเห็นได้จากการร้องเรียนที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ทั้งวิทยุและโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2551 กรมที่ดินจึงได้เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาคารชุดโดยได้มีการตราพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2551 ซึ่งการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น มีการกำหนดหน้าที่ของผู้ประกอบการ เจ้าของร่วมผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด คณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด
ทั้งนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอาคารชุด แต่อย่างไรก็ดี การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ไปจากเดิมเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดความสับสน ไม่เข้าใจ และปฏิบัติไม่ถูกต้อง จากปัญหาดังกล่าวทางสำนักงานส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายอาคารชุด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายอาคารชุด โดยเน้นไปที่ภาคประชาสังคม เพราะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
