ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต มอบโล่สดุดียกย่องครอบครัวร่มเย็น ประจำปี 2552 เนื่องในวันครอบครัว
วันนี้ (22 เม.ย.) ณ โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานวันครอบครัวและมอบโล่สดุดียกย่องครอบครัวร่มเย็น จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2552 เนื่องในวันครอบครัว โดยมี นางสาวพรรณี สิทธิการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยครอบครัวที่ได้รับรางวัล 6 ครอบครัว ประกอบด้วย ครอบครัวที่ได้รับโล่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แก่ ครอบครัวขรรค์วิไลกุล ครอบครัวคุรุ ครอบครัวแต้มทอง และครอบครัวที่ได้รับโล่จากจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ ครอบครัวนาทัง ครอบครัวเครือสมบัติ และครอบครัวตันติพรสวัสดิ์ และกลุ่มผู้สูงอายุเข้าร่วม
นายตรี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมวันครอบครัวและมอบโล่สดุดีแก่ครอบครัวที่ได้รับคัดเลือกเป็นครอบครัวร่มเย็นจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2552 ถือเป็นการกระตุ้นเตือนให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว ซึ่งถือเป็นสถาบันแรกที่ให้การเลี้ยงดู ฟูมฟัก ปลูกค่านิยมคุณธรรม จริยธรรมให้แก่สมาชิกในครอบครัวเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีมีคุณภาพและมีคุณธรรม ซึ่งนำไปสู่สังคมที่ดีงามและสงบสุข ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว เพื่อให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ยึดถือเป็นแนวทางการดำเนินการร่วมกันในการเสริมสร้างสถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง เพราะถือว่าสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันสำคัญที่สุดในสังคม และเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้ามั่นคงในอนาคต
โดยการส่งเสริมให้ครอบครัวตระหนักถึงบทบาทหน้าที่สำคัญ ทั้งในเรื่องการเลี้ยงดู การให้ความรัก ความอบอุ่น ช่วยเหลือเกื้อกูล ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม ตลอดจนการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้แก่สมาชิกในครอบครัว เพื่อให้เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ และเป็นสมาชิกที่มีคุณค่าของสังคม
ที่สำคัญ จะต้องส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ทั้งในฐานะของสามี ภรรยา พ่อแม่ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และบทบาทของสมาชิกครอบครัวที่พึงมีต่อกัน รวมทั้งการเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัยเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิต โดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ยึดถือหลักธรรมคำสอนทางศาสนา แก้ไขปัญหาอย่างสันติ รู้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม ตลอดจนการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม เพื่อให้สถาบันครอบครัวเป็นกลไกในการสร้างความเข้มแข็งของสังคมและประเทศชาติ
วันนี้ (22 เม.ย.) ณ โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานวันครอบครัวและมอบโล่สดุดียกย่องครอบครัวร่มเย็น จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2552 เนื่องในวันครอบครัว โดยมี นางสาวพรรณี สิทธิการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยครอบครัวที่ได้รับรางวัล 6 ครอบครัว ประกอบด้วย ครอบครัวที่ได้รับโล่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แก่ ครอบครัวขรรค์วิไลกุล ครอบครัวคุรุ ครอบครัวแต้มทอง และครอบครัวที่ได้รับโล่จากจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ ครอบครัวนาทัง ครอบครัวเครือสมบัติ และครอบครัวตันติพรสวัสดิ์ และกลุ่มผู้สูงอายุเข้าร่วม
นายตรี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมวันครอบครัวและมอบโล่สดุดีแก่ครอบครัวที่ได้รับคัดเลือกเป็นครอบครัวร่มเย็นจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2552 ถือเป็นการกระตุ้นเตือนให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว ซึ่งถือเป็นสถาบันแรกที่ให้การเลี้ยงดู ฟูมฟัก ปลูกค่านิยมคุณธรรม จริยธรรมให้แก่สมาชิกในครอบครัวเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีมีคุณภาพและมีคุณธรรม ซึ่งนำไปสู่สังคมที่ดีงามและสงบสุข ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว เพื่อให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ยึดถือเป็นแนวทางการดำเนินการร่วมกันในการเสริมสร้างสถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง เพราะถือว่าสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันสำคัญที่สุดในสังคม และเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้ามั่นคงในอนาคต
โดยการส่งเสริมให้ครอบครัวตระหนักถึงบทบาทหน้าที่สำคัญ ทั้งในเรื่องการเลี้ยงดู การให้ความรัก ความอบอุ่น ช่วยเหลือเกื้อกูล ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม ตลอดจนการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้แก่สมาชิกในครอบครัว เพื่อให้เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ และเป็นสมาชิกที่มีคุณค่าของสังคม
ที่สำคัญ จะต้องส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ทั้งในฐานะของสามี ภรรยา พ่อแม่ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และบทบาทของสมาชิกครอบครัวที่พึงมีต่อกัน รวมทั้งการเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัยเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิต โดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ยึดถือหลักธรรมคำสอนทางศาสนา แก้ไขปัญหาอย่างสันติ รู้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม ตลอดจนการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม เพื่อให้สถาบันครอบครัวเป็นกลไกในการสร้างความเข้มแข็งของสังคมและประเทศชาติ