ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตเร่งหาทางแก้ปัญหาการ้องเรียนของนักท่องเที่ยวเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเช่าเจ็ตสกีไปใช้บริการแล้วประสบอุบัติเหตุถูกเรียกค่าเสียหายสูง ผู้ว่าฯ แนะให้จัดทำประกันภัยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ตร.ระบุปี 51 มีคดีเกี่ยวข้องกับการเรียกค่าเสียหายกรณีอุบัติเหตุจากเจ็ตสกีจำนวน 49 ราย มีมูลค่ารวมประมาณ 3 ล้านบาท บางรายต้องจ่ายค่าเสียหายสูงกว่า 100,000 บาท
นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการเป็นประธานการประชุมแนวทางการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเจ็ตสกี ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมทั้งภาครัฐ และผู้ประกอบการ ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.ภูเก็ต วันนี้ (18 พ.ค.) ว่า ที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวร้องเรียนผ่านทางจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่องกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอุบัติเหตุที่เกิดจากกิจกรรมขับขี่เจ็ตสกี และกิจกรรมทางน้ำ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้มีนโยบายแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยให้มีการติดตั้งทุ่นกำหนดพื้นที่ในการเล่นเจ็ตสกี และให้ดำเนินการจัดทำประกันภัย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในภาพรวมด้วย
ขณะที่ นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองอป่าตอง กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่จะให้ผู้ประกอบการจัดทำประกันภัย ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของเทศบาลฯ ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางเทศบาลฯ ได้มีความในพยายามในการให้เกิดการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ โดยจะมีการรับรองเจ็ตสกีที่จะทำการขอต่อใบอนุญาตจากทางสำนักงานการขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ซึ่งภายหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ ปรากฏว่ามีจำนวนเรือเจ็ทสกีที่เทศบาลได้ทำการรับรองจำนวน 167 ลำ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรายหนึ่งจากหาดป่าตอง กล่าวว่า เดิมบริเวณชายหาดป่าตอง มีเจ็ตสกีจำนวนเพียง 126 ลำ กมลามี 22 ลำ กะตะ-กะรน 36 ลำ และบางเทา 35 ลำ แต่ไม่ทราบว่าในส่วนของป่าตองที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 167 ลำ ส่วนที่เกินมานั้นเพิ่มมาได้อย่างไร
โดย นายโฮฬาร เฮงเจริญ ขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ชี้แจงว่า เมื่อประมาณปี 2547 ทางจังหวัดภูเก็ตได้มีมาตรการจัดระเบียบเรือเจ็ตสกี โดยกำหนดพื้นที่ในการดำเนินกิจกรรมเฉพาะพื้นที่ชายทะเล 5 ชายหาด ได้แก่ หาดป่าตอง หาดกมลา หาดกะตะ หาดกะรน และบางเทาเท่านั้น และได้ควบคุมจำนวนเจ็ตสกีซึ่งมีการออกใบอนุญาตจำนวน 219 ลำ และจะไม่รับจดทะเบียนใหม่ เพื่อให้เจ็ตสกีหมดไปในปี 2554
แต่ต่อมาประมาณปี 2550 ได้มีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการเรียกร้องเพื่อให้เจ็ตสกีที่หมดสภาพสามารถใช้ทะเบียนเดิมได้ โดยให้ยังคงจำนวนไว้ที่ 219 ลำ ปรากฏว่าแม้จะไม่มีการจดทะเบียนใหม่ แต่มีผู้ประกอบการบางรายได้นำเจ็ตสกีซึ่งจดทะเบียนที่จังหวัดอื่นๆ มาให้บริการซึ่งไม่สามารถห้ามได้ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้มีการทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังจังหวัดต่างๆ แล้วแจ้งให้ทราบถึงประกาศจังหวัดภูเก็ตเกี่ยวกับมาตรการควบคุมจำนวนเจ็ตสกี และได้ทำเรื่องเสนอไปยังกรมเพื่อกำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจนต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผกก.สภ.กะทู้ กล่าวว่า ในปี 2551 ที่ผ่านมามีคดีที่เกี่ยวข้องกับการเรียกค่าเสียหายกรณีอุบัติเหตุจากเจ็ตสกีจำนวน 49 ราย มีมูลค่ารวมประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงมาก และบางรายต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนกว่า 100,000 บาท ดังนั้น หากมีการทำประกัน และมีการจัดหาอู่กลางมาเป็นผู้ประเมินราคาก็จะแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเจ็ตสกีอีก และทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับการท่องเที่ยวด้วย
ส่วน น.ส.สุวิมล แซ่ลิ้ม ประกันภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องนี้พร้อมที่จะประสานกับทางบริษัทประกันภัยเพื่อให้เข้ามาดูว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร เพราะหากทำได้ก็จะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยที่จะให้มีการจัดทำประกันภัย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำเฉพาะตัวเจ็ตสกี หรือจะรวมในส่วนของผู้ขับขี่ด้วย ซึ่งก็จะต้องมีการหารือร่วมกัน และสรุปเป็นรายละเอียดครั้ง โดยที่ประชุมได้มีมติว่าให้แต่กลุ่มไปสรุปรายละเอียดความต้องการ และจากนั้นให้นำข้อมูลมาเสนอต่อที่ประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมอีกครั้งช่วงประมาณต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยจะรับฟังจากกลุ่มป่าตองเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นก็จะไปรับฟังจากกลุ่มอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาสรุปเป็นข้อมูลในการกำหนดรายละเอียดของการทำประกันภัยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป
นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการเป็นประธานการประชุมแนวทางการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเจ็ตสกี ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมทั้งภาครัฐ และผู้ประกอบการ ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.ภูเก็ต วันนี้ (18 พ.ค.) ว่า ที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวร้องเรียนผ่านทางจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่องกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอุบัติเหตุที่เกิดจากกิจกรรมขับขี่เจ็ตสกี และกิจกรรมทางน้ำ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้มีนโยบายแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยให้มีการติดตั้งทุ่นกำหนดพื้นที่ในการเล่นเจ็ตสกี และให้ดำเนินการจัดทำประกันภัย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในภาพรวมด้วย
ขณะที่ นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองอป่าตอง กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่จะให้ผู้ประกอบการจัดทำประกันภัย ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของเทศบาลฯ ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางเทศบาลฯ ได้มีความในพยายามในการให้เกิดการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ โดยจะมีการรับรองเจ็ตสกีที่จะทำการขอต่อใบอนุญาตจากทางสำนักงานการขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ซึ่งภายหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ ปรากฏว่ามีจำนวนเรือเจ็ทสกีที่เทศบาลได้ทำการรับรองจำนวน 167 ลำ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรายหนึ่งจากหาดป่าตอง กล่าวว่า เดิมบริเวณชายหาดป่าตอง มีเจ็ตสกีจำนวนเพียง 126 ลำ กมลามี 22 ลำ กะตะ-กะรน 36 ลำ และบางเทา 35 ลำ แต่ไม่ทราบว่าในส่วนของป่าตองที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 167 ลำ ส่วนที่เกินมานั้นเพิ่มมาได้อย่างไร
โดย นายโฮฬาร เฮงเจริญ ขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ชี้แจงว่า เมื่อประมาณปี 2547 ทางจังหวัดภูเก็ตได้มีมาตรการจัดระเบียบเรือเจ็ตสกี โดยกำหนดพื้นที่ในการดำเนินกิจกรรมเฉพาะพื้นที่ชายทะเล 5 ชายหาด ได้แก่ หาดป่าตอง หาดกมลา หาดกะตะ หาดกะรน และบางเทาเท่านั้น และได้ควบคุมจำนวนเจ็ตสกีซึ่งมีการออกใบอนุญาตจำนวน 219 ลำ และจะไม่รับจดทะเบียนใหม่ เพื่อให้เจ็ตสกีหมดไปในปี 2554
แต่ต่อมาประมาณปี 2550 ได้มีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการเรียกร้องเพื่อให้เจ็ตสกีที่หมดสภาพสามารถใช้ทะเบียนเดิมได้ โดยให้ยังคงจำนวนไว้ที่ 219 ลำ ปรากฏว่าแม้จะไม่มีการจดทะเบียนใหม่ แต่มีผู้ประกอบการบางรายได้นำเจ็ตสกีซึ่งจดทะเบียนที่จังหวัดอื่นๆ มาให้บริการซึ่งไม่สามารถห้ามได้ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้มีการทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังจังหวัดต่างๆ แล้วแจ้งให้ทราบถึงประกาศจังหวัดภูเก็ตเกี่ยวกับมาตรการควบคุมจำนวนเจ็ตสกี และได้ทำเรื่องเสนอไปยังกรมเพื่อกำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจนต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผกก.สภ.กะทู้ กล่าวว่า ในปี 2551 ที่ผ่านมามีคดีที่เกี่ยวข้องกับการเรียกค่าเสียหายกรณีอุบัติเหตุจากเจ็ตสกีจำนวน 49 ราย มีมูลค่ารวมประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงมาก และบางรายต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนกว่า 100,000 บาท ดังนั้น หากมีการทำประกัน และมีการจัดหาอู่กลางมาเป็นผู้ประเมินราคาก็จะแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเจ็ตสกีอีก และทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับการท่องเที่ยวด้วย
ส่วน น.ส.สุวิมล แซ่ลิ้ม ประกันภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องนี้พร้อมที่จะประสานกับทางบริษัทประกันภัยเพื่อให้เข้ามาดูว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร เพราะหากทำได้ก็จะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยที่จะให้มีการจัดทำประกันภัย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำเฉพาะตัวเจ็ตสกี หรือจะรวมในส่วนของผู้ขับขี่ด้วย ซึ่งก็จะต้องมีการหารือร่วมกัน และสรุปเป็นรายละเอียดครั้ง โดยที่ประชุมได้มีมติว่าให้แต่กลุ่มไปสรุปรายละเอียดความต้องการ และจากนั้นให้นำข้อมูลมาเสนอต่อที่ประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมอีกครั้งช่วงประมาณต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยจะรับฟังจากกลุ่มป่าตองเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นก็จะไปรับฟังจากกลุ่มอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาสรุปเป็นข้อมูลในการกำหนดรายละเอียดของการทำประกันภัยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป
