“รมต.วีระชัย”แนะส่งเสริมท่องเที่ยวฮาลาลต้องพัฒนาโลจิติกส์

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เผยรัฐบาลเตรียมตั้งคณะกรรมการฮาลาลแห่งชาติ แนะส่งเสริมท่องเที่ยวฮาลาลต้องเน้นพัฒนาโลจิติกส์

วันที่ 1 พ.ค. นายวีระชัย วีระเมธากุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด การประชุมวิชาการนานาชาติ World of Halal Science, Industry & Business International Conference 200 9 หรือ WHASIB 2009 ซึ่งทางศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการต่างประเทศ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)ภูเก็ต และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดขึ้น ที่โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาเคเดีย รีสอร์ทแอนด์สปา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมไทยมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต หวังยกเขตอันดามัน ตลอดจนพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างขึ้นเป็นศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค โดยมีนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต นักวิทยาศาสตร์ นักอุตสาหกรรม และนักธุรกิจฮาลาลจากประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าร่วม จำนวนประมาณ 200 คน ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการลงนามความร่วมมือด้านการสร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการ นิติวิทยาศาสตร์ฮาลาลระหว่างประเทศไทย สหรัฐอเมริกา แคนาดา อัฟริกาใต้ อินโดนีเซียและตุรกี

รศ.ดร. วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประชากรมุสลิมในโลก 1,800 ล้านคนบริโภคอาหารปีละ 580,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างตลาดอาหารฮาลาลนานาชาติมูลค่าในปี พ.ศ. 2550 สูงถึง 265,000 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังประสบปัญหา หลายฝ่ายยอมรับว่าตลาดฮาลาลกลายเป็นความหวังสำคัญที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ เนื่องจากประเทศมุสลิมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย จึงทำให้บรรยากาศการแข่งขันในตลาดฮาลาลเข้มข้นขึ้น ซึ่งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงราคากลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน

“ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลฯ ได้พัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาลอย่างเป็นระบบตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา โดยเป็นหน่วยงานแรกในโลกที่นำเอางานด้านวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆเข้ามาประยุกต์ใช้ในงานฮาลาลจนกระทั่งได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดฮาลาลโลกในปี พ.ศ. 2550 เพียง 1,711 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 0.64 เท่านั้น จึงจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพการผลิตตลอดจนคุณภาพของผลิตภัณฑ์ฮาลาลให้สูงขึ้นเพื่อให้สามารถแข่งขันได้”

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.วินัย กล่าวด้วยว่า ในฐานะของคณะทำงานด้านผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลหรือ Working Group on Halal Products and Services (WG-HAPAS) เป็นคณะทำงานภายใต้ IMT-GT มีประเทศไทยเป็นประธาน พันธกิจสำคัญคือการผลักดันให้ IMT-GT เป็นศูนย์กลางด้านฮาลาล มีกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การจัดงาน IMT-GT Halal Expo การประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมและธุรกิจฮาลาลหรือ WHASIB การสร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล งานด้านวัฒนธรรมอิสลาม งานศูนย์กลางการแพทย์ งานการท่องเที่ยวฮาลาล ตลอดจนงานการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล

ในขณะที่นายวีระชัย วีระเมธากุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมธุรกิจฮาลาลว่า เรื่องฮาลาลเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลอยู่แล้ว เพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นไปในทิศทางเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้มีดำริมีการจัดตั้งคณะกรรมการฮาลาลแห่งชาติ เพื่อดูแลในเรื่องของสินค้าและบริการ ตลอดจนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีและสำคัญในการที่จะร่วมกันวางแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาสินค้าและบริการฮาลาลในระยะยาว โดยไม่เน้นการแข่งขันในเรื่องของราคาว่าใครถูกที่สุด แต่จะเน้นการแข่งขันในเรื่องของคุณภาพสินค้า ซึ่งเหล่านี้จะต้องมีวิทยาศาสตร์มารองรับ นอกจากนั้นยังจะต้องมีการก้าวไปข้างหน้าโดยมีการจับมือร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์อื่นๆ ในการรับรองสินค้าและบริการ

“ขณะที่นำเรื่องของฮาลาลบรรจุเข้าในกรอบของอาเซียนนั้น ขณะนี้คงต้องดำเนินการในกรอบของ IMT-GT ก่อน ซึ่งมี 2 ความร่วมมือที่มีความสำคัญกับประเทศไทย คือเรื่องการท่องเที่ยว กับเรื่องสินค้าและบริการฮาลาล ซึ่งในอนาคตหากสามารถขยายกรอบความร่วมมือไปสู่อาเซียนได้ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์”นายวีระชัย กล่าว

นายวีระชัย กล่าวต่อว่า การส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวฮาลาลของภูเก็ตนั้นภูเก็ตอยู่ในฝั่งอันดามันซึ่งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนั้นไม่มีปัญหาเพราะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ในช่วงโลว์ซีซันซึ่งนักท่องเที่ยวจะลดน้อยลง ดังนั้นจะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวฮาลาลได้อย่างไร โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันกลาง ซึ่งช่วงฤดูร้อนของเขาจะตรงกับช่วงโลว์ซีซันของเรา คิดว่าน่าจะส่งเสริมตลาดในส่วนนี้ได้ แต่จะต้องมีการพัฒนาในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานอำนวยความสะดวก โดยในระยะเวลาอันใกล้คงเน้นในตลาดใกล้บ้านในกรอบของสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ หรือ IMT-GT คือมาเลเซียกับอินโดนีเซีย ซึ่งที่สามารดำเนินการได้ทันทีคงเป็นเรื่องของระบบขนส่งหรือโลจิติกส์ เช่น สนามบิน ท่าเทียบเรือ เป็นต้น ซึ่งคิดว่าน่าจะมีแผนงานดำเนินการอยู่แล้วแต่คงจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง และการทำให้เป็นรูปธรรม ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการฮาลาลแห่งชาติ และก็คงต้องมีการวางกรอบยุทธศาสตร์ ที่สำคัญกว่านั้นได้แก่การนำแผนมาปฎิบัติให้เกิดขึ้นจริง