ตรัง – หัวหน้าอุทยานหาดเจ้าไหมและสารวัตรสถานีน้ำตรวจจับนักท่องเที่ยวจาก จ.นครราชสีมา นำซากปะการัง กัลปังหา และเปลือกหอยจำนวน 3 ลังออกจากอุทยานฯ อ้างจะนำเป็นที่ระลึกไว้ดูต่างหน้า เจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยเพื่อป้องปรามไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ อีก
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทวี จันทร์พลับ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 2 กองกำกับการ จ กองบังคับการตำรวจน้ำตรัง นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และจับกุมผู้ลักลอบขนปะการังอย่างผิดกฎหมาย ที่บริเวณสะพานท่าเทียบเรือบ้านหาดยาว ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง โดยได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีนักท่องเที่ยวลักลอบเก็บและขนย้ายปะการัง อยู่ที่บริเวณท่าเทียบเรือดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบ นายโกเศรษฐ หรือกุ่ย ลือจรัสโรจน์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 15 ตำบลโน่นแดง อำเภอโน่นแดง จังหวัดนครราชสีมา นายปรีชา อินทร์ปะโคก อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 815/3 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองจะบก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และ นายนนท์ อาศัยนา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ที่ 2 ตำบลกระชอด อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พร้อมของกลางลังกระดาษ จำนวน 3 ใบ ซึ่งภายในบรรจุซากปะการัง เปลือกหอย และซากกัลปังหาจำนวนมาก
จึงควบคุมดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหานำออกซึ่งทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่าได้เดินทางมาท่องเที่ยวทางท้องทะเลตรัง บนเกาะมุกต์ ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาพร้อมกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่ได้ท่องเที่ยวอยู่บนเกาะมุกต์ ก็ได้ดำน้ำดูปะการังที่มีความสวยงาม โดยมีความชื่นชอบเป็นอย่างมาก จึงได้เก็บปะการังและกัลปังหา ขึ้นมาจากท้องทะเลตรังบางส่วน และได้ขอซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่อีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งในส่วนของเปลือกหอยได้เก็บจากชายหาด ที่พบเห็นขณะเดินเที่ยวชมบรรยากาศ
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อ้างว่า ต้องการที่จะนำเปลือกหอย ปะการัง และกัลปังหา ของกลางที่พบทั้งหมดกลับไปบ้าน เพื่อเป็นของฝากและของที่ระลึกให้แก่คนที่บ้านได้ชม และเป็นเครื่องยืนยันว่าได้มาท่องเที่ยวท้องทะเลตรังแล้ว เนื่องจากในพื้นที่บ้านของตนเองไม่เคยมีสิ่งของเหล่านี้ จึงต้องการนำไปเป็นของฝากอย่างเดียว โดยไม่ได้นำไปจำหน่ายแต่อย่างใด
นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการป้องปราบไม่ให้เกิดการลอกเลียนแบบของนักท่องเที่ยว และชาวประมงในพื้นที่ที่ออกหาปลาโดยใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย พร้อมเก็บซากของปะการังและกัลปังหามาจำหน่าย และถือเป็นการสร้างจิตสำนึกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ควรสำนึกว่า ทรัพยากรธรรมชาติควรอยู่กับท้องที่ไม่ควรนำกลับไป เพราะการนำไปวางไว้เพียงอย่างเดียวนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่า แต่หากอยู่คู่กับท้องทะเลจะยิ่งเพิ่มมูลค่าตลอดไป และเป็นสิ่งที่มีค่ามากหากผู้คนที่มาท่องเที่ยวได้มาพบเห็น
อย่างไรก็ตาม อยากขอฝากประชาสัมพันธ์ และบอกกล่าวถึงนักท่องเที่ยวทุกคนว่า การมาท่องเที่ยวในเขตอุทยานไม่ควรนำอะไรกลับไป ซึ่งหากต้องการเก็บไว้เป็นความทรงจำ ควรเก็บเพียงภาพถ่ายก็น่าจะเพียงพอแล้ว รวมถึงชาวประมงที่มีการลักลอบจับสัตว์ด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการระเบิดปลาถือเป็นการทำลายพันธ์สัตว์น้ำที่รุนแรงที่สุด และส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติทั่วไปอย่างร้ายแรงด้วย จึงควรร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยืนยาวมากที่สุด
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทวี จันทร์พลับ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 2 กองกำกับการ จ กองบังคับการตำรวจน้ำตรัง นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และจับกุมผู้ลักลอบขนปะการังอย่างผิดกฎหมาย ที่บริเวณสะพานท่าเทียบเรือบ้านหาดยาว ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง โดยได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีนักท่องเที่ยวลักลอบเก็บและขนย้ายปะการัง อยู่ที่บริเวณท่าเทียบเรือดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบ นายโกเศรษฐ หรือกุ่ย ลือจรัสโรจน์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 15 ตำบลโน่นแดง อำเภอโน่นแดง จังหวัดนครราชสีมา นายปรีชา อินทร์ปะโคก อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 815/3 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองจะบก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และ นายนนท์ อาศัยนา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ที่ 2 ตำบลกระชอด อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พร้อมของกลางลังกระดาษ จำนวน 3 ใบ ซึ่งภายในบรรจุซากปะการัง เปลือกหอย และซากกัลปังหาจำนวนมาก
จึงควบคุมดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหานำออกซึ่งทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่าได้เดินทางมาท่องเที่ยวทางท้องทะเลตรัง บนเกาะมุกต์ ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาพร้อมกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่ได้ท่องเที่ยวอยู่บนเกาะมุกต์ ก็ได้ดำน้ำดูปะการังที่มีความสวยงาม โดยมีความชื่นชอบเป็นอย่างมาก จึงได้เก็บปะการังและกัลปังหา ขึ้นมาจากท้องทะเลตรังบางส่วน และได้ขอซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่อีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งในส่วนของเปลือกหอยได้เก็บจากชายหาด ที่พบเห็นขณะเดินเที่ยวชมบรรยากาศ
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อ้างว่า ต้องการที่จะนำเปลือกหอย ปะการัง และกัลปังหา ของกลางที่พบทั้งหมดกลับไปบ้าน เพื่อเป็นของฝากและของที่ระลึกให้แก่คนที่บ้านได้ชม และเป็นเครื่องยืนยันว่าได้มาท่องเที่ยวท้องทะเลตรังแล้ว เนื่องจากในพื้นที่บ้านของตนเองไม่เคยมีสิ่งของเหล่านี้ จึงต้องการนำไปเป็นของฝากอย่างเดียว โดยไม่ได้นำไปจำหน่ายแต่อย่างใด
นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการป้องปราบไม่ให้เกิดการลอกเลียนแบบของนักท่องเที่ยว และชาวประมงในพื้นที่ที่ออกหาปลาโดยใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย พร้อมเก็บซากของปะการังและกัลปังหามาจำหน่าย และถือเป็นการสร้างจิตสำนึกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ควรสำนึกว่า ทรัพยากรธรรมชาติควรอยู่กับท้องที่ไม่ควรนำกลับไป เพราะการนำไปวางไว้เพียงอย่างเดียวนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่า แต่หากอยู่คู่กับท้องทะเลจะยิ่งเพิ่มมูลค่าตลอดไป และเป็นสิ่งที่มีค่ามากหากผู้คนที่มาท่องเที่ยวได้มาพบเห็น
อย่างไรก็ตาม อยากขอฝากประชาสัมพันธ์ และบอกกล่าวถึงนักท่องเที่ยวทุกคนว่า การมาท่องเที่ยวในเขตอุทยานไม่ควรนำอะไรกลับไป ซึ่งหากต้องการเก็บไว้เป็นความทรงจำ ควรเก็บเพียงภาพถ่ายก็น่าจะเพียงพอแล้ว รวมถึงชาวประมงที่มีการลักลอบจับสัตว์ด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการระเบิดปลาถือเป็นการทำลายพันธ์สัตว์น้ำที่รุนแรงที่สุด และส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติทั่วไปอย่างร้ายแรงด้วย จึงควรร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยืนยาวมากที่สุด