xs
xsm
sm
md
lg

เริ่ดซะไม่มี “ธีระ” คิดทำ “ตะกรุดลายไทย” ขายนักท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ธีระ” ไอเดียกระฉูดสั่งกรมศิลป์ผลิต “ตะกรุด-ลูกปัด” ลงลายไทยเป็นเครื่องประดับ ดันเป็นสินค้าวัฒนธรรมหวังขายนักท่องเที่ยว ตามรอยบลูอายส์ของตุรกี อ้างความขลังเครื่องรางไทยทำนักฟุตบอลอิตาลีมาฝังกับเกจิชื่อดังมาแล้ว

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ จัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง “ลูกปัด : องค์ความรู้และการปกป้องคุ้มครอง” โดยมีนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เป็นประธาน

นายธีระกล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานว่า การจัดเสวนาครั้งนี้เพื่อให้สังคมตระหนักว่าลูกปัดเป็นโบราณวัตถุที่มีคุณค่า ให้การเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีต เชื่อมโยงอารยธรรมโบราณ และให้สังคมร่วมกันปกป้องโบราณวัตถุ และไม่ควรคิดว่าเป็นสมบัติของคนใดคนหนึ่งแต่ควรจะต้องเป็นของคนทั้งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าได้ค้นพบลูกปัดอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ตนจึงอยากให้มีการผูกโยงเรื่องราวลูกปัดที่พบภายในประเทศกับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ประเทศไทย

นอกจากนี้ ตนยังได้ฝากโจทย์ให้นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร และนักวิชาการ ใน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ตนเคยได้ยินเกี่ยวกับการค้าขายทางทะเล ที่มีการเชื่อมโยงจากฝั่งอันดามันมายังอ่าวไทย ซึ่งนักวิชาการได้ระบุว่า มีการค้าขายผ่านเส้นทางดังกล่าวจริง ดังนั้น ตนอยากให้มีการศึกษาต่อไปว่า ลูกปัดที่พบในภาคใต้กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ นั้น จะเป็นสื่อที่ให้การเรียนรู้บอกเล่าเรื่องราวให้ชัดขึ้นว่าประเทศไทยเคยมีเส้นทางการค้าขายโบราณวัตถุทั้งทางน้ำและทางบก

2.ตนยังได้ฝากโจทย์ให้อธิบดีกรมศิลปากรไปศึกษาข้อดีข้อเสียของการจัดทำสินค้าที่ระลึก เครื่องประดับ ซึ่งสามารถนำมาเป็นอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะขณะนี้มีเรื่องลูกปัดตนจึงอยากให้นำไปผลิตเป็นเครื่องประดับเช่นเดียวกับต่างประเทศ อาทิ ในประเทศตุรกี มีการจัดทำเรื่องราวของดวงตาสีฟ้า หรือ บลูอายส์ เป็นสินค้าที่ระลึกที่มีความเชื่อมโยงระหว่างประวัติศาสตร์และความเชื่อชาวกรีก-โรมัน จนทำให้เป็นสินค้าที่ขายดีมาก เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้เราตีปี๊บดังในประเทศและดังในระดับสังคมโลก รู้ว่าประเทศไทยมีโบราณวัตถุที่สำคัญก็มีโอกาสที่จะผลักดันให้เป็นสินค้าในเชิงวัฒนธรรม และส่งเสริมให้เป็นภาคอุตสาหกรรมให้ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใครมาเมืองไทยก็อยากได้สิ่งเหล่านี้กลับไปเป็นที่ระลึก

“นอกจากนี้ ผมได้ให้อธิบดีกรมศิลปากร ไปศึกษาข้อดีข้อเสียของการทำตะกรุด ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเงินหรือทองแต่อยากให้มีการใส่ลวดลายไทยลงไปเพื่อทำเป็นเครื่องประดับ ที่มีความเชื่อทางจิตใจ เพราะมีความเชื่อมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทย เมื่อออกรบก็ยังพกตะกรุดไปด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นแนวคิดที่ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เพราะเชื่อว่า จะสามารถผลิตเป็นอุตสาหกรรมได้"

“หากได้มีการติดตามข่าวที่ผ่านมาพบว่า มีนักฟุตบอลชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงของโลกยังเคยเดินทางมาฝังตะกรุดกับพระชื่อดังในเมืองไทยด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าเมื่อฝังแล้วจะแตะฟุตบอลได้เก่ง ดังนั้นผมจึงคิดว่าหากเราทำเครื่องประดับให้ไว้แขวนคอก็คงจะดูดี จะเป็นได้ทั้งเครื่องรางและเครื่องประดับ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่งมงาย ซึ่งในต่างประเทศก็ทำ ตะกรุดเป็นสิ่งที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์สุโขทัย แต่การทำสินค้าวัฒนธรรมไม่จำเป็นต้องปลุกเสก เพราะเป็นเพียงสินค้าที่ระลึกเท่านั้น ที่สำคัญตนไม่อยากให้ประชาชนงมงาย อย่างไรก็ตาม ผมได้ให้นักวิชาการที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อดีและข้อเสียถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำ ซึ่งจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายการลอกเลียนแบบ”
นายธีระกล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น