“กรณ์” เผยประชุมร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมหารือทางด้านเศรษฐกิจ ขณะที่การหารือร่วมญี่ปุ่น-จีนไม่มีปัญหาอะไร
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังจากเดินทางมาถึงโรงแรมเชอราตันแกรนด์ลากูน่า จ.ภูเก็ต ถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน บวก3 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ว่า การประชุมในครั้งนี้จะมีการหารือกันในเรื่องต่างๆ ญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นพี่ใหญ่มีบทบาทต่อทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียในด้านเศรษฐกิจ ในฐานะผู้ลงทุนขนาดใหญ่ และในฐานะผู้ค้าขนาดใหญ่ของทุกประเทศในอาเซียน เพราะฉะนั้นคงจะมีประเด็นในแง่ของภาพลักษณ์ทางด้านเศรษฐกิจ และแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน โดยประเทศไทยจะมีการชี้แจงถึงสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจต่อญี่ปุ่นและประเทศต่างๆในอาเซียน และในส่วนของญี่ปุ่นเองก็จะต้องชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยว่าในส่วนของญี่มีมาตรการอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรา
ส่วนกรณีที่ญี่ปุ่นยังไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาไทยและญี่ปุ่นมีความพร้อมในทุกระดับ ตนคิดว่าการทำงานระหว่าง 2 ประเทศไม่น่าจะมีปัญหาและคงจะไม่มีสะดุดแต่อย่างใด แต่ต้องรอกระบวนการการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังขึ้นมาใหม่ แต่ก็เชื่อมั่นว่ากระบวนการทำงานของญี่ปุ่นเหมือนกับเราที่สืบเนื่องมาจากหลายรัฐบาล ในส่วนของเขาก็ยังคงเป็นไปในทิศทางเดิม เพราะฉะนั้นเชื่อว่าจะมีมีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด การประชุมครั้งนี้ไม่มีวาระต้องตัดสินใจ แต่มีประเด็นที่จะต้องมีการพูดคุยกัน
อย่างไรก็ตามอาเซียนมีความแน่วแน่และมีจุดยืนพร้อมที่จะสนับสนุนในฐานะผู้ลงขันอยู่แล้ว และคงจะมีประเด็นในส่วนของประเทศอื่นๆว่าจะมีส่วนร่วมกันอย่างไร ก็คงจะมีโอกาสได้พูดคุยกันถึงความพร้อมโดยเฉพาะรัฐมนตรีคลังจาก 4 ประเทศใหญ่ในอาเซียนด้วยว่าจะตกลงกันอย่างไรในส่วนของการประชุมนี้
ส่วนการหารือกับจีนนั้นก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน เนื่องจากตอนนี้จีนเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดอีกประเทศหนึ่ง ของทุกๆ ประเทศในอาเซียนรวมถึงประเทศไทยด้วย และตั้งขยาย FTA ก็มีการค้าขายระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนมากขึ้น จีนเองก็เป็นความหวังของทุกคนและของชาวโลกว่าจะมีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาเศรษฐกิจโลก และจีนเองก็ขอที่จะพบปะหารือประเด็นในเรื่องการลงทุนด้วย ซึ่งกระบวนการของทางรัฐบาลไทยก็เตรียมในเรื่องระบบสาธารณูปโภคและการขนส่งไว้แล้ว ซึ่งทางจีนก็มีความเชี่ยวชาญและมีความพร้อมในแง่คุณภาพ เพราะฉะนั้นบทบาทที่จะร่วมลงทุนกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุนขนาดไหนก็ตาม ก็จะมีการหยิบยกขึ้นมาหารือกันในเบื้องต้น และในส่วนของนายกรัฐมนตรีเองก็มีกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศจีนเร็วๆ นี้ก็คงจะมีประเด็นทางเศรษฐกิจและเรื่องของการค้าที่จะต้องพูดคุยกันมากขึ้นระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ ในระยะต่อไป
นายกรณ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ไม่ได้มีการตกลงจะเซ็นต์สัญญาอะไรกันสำหรับการประชุมในวาระพิเศษ ประเด็นหลักๆที่จะมีการพูดคุยกันเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียมากกว่า และคงจะฝากให้มีการพูดคุยกับประเทศขนาดใหญ่ในการประชุมจี 20 ที่จะมีขึ้นในต้นเดือนเม.ยนี้ ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าประเทศใดประเทศหนึ่งใน 13 ประเทศไม่เห็นด้วยก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะมีข้อตกลงเดิมกันอยู่แล้ว
