ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านบ้านบางคู ภูเก็ตพร้อมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ร้องผู้ว่าฯตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินออกทับป่าชายเลนหมู่ที่ 2 บ้านบางคู ตำบลเกาะแก้ว จังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าฯภูเก็ต เผย จะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหากพบออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้องพร้อมดำเนินการทันที
วันนี้ (19 ก.พ.) นายเจษฎา แนบเนียน กำนันตำบลเกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย นางสมทรง จันทร์หอม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านบางคู ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต นางอรุณศรี วิเชียร สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะแก้ว และชาวบ้านบางคู ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ประมาณ 20 คน เดินทางเข้าพบ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือขอให้ระงับและยุติการบุกรุกเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลนบ้านบางคู ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดย นายเจษฎา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2551 ที่ผ่านมา ชาวบ้านบ้านบางคูได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในสมัยนั้น ขอให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ทับพื้นที่ป่าชายเลนและดำเนินคดีกับผู้บุกรุกเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลน ในพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านบางคู ต.เกาะแก้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังมิได้ดำเนินการใดๆ และระหว่างวันที่ 11-18 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีการนำรถแบ็คโฮจำนวนประมาณ 4-5 คัน เข้ามาไถทำลายปรับสภาพพื้นที่ป่าชายเลนทำให้พันธุ์ไม้ตายเป็นจำนวนมาก และทำคันดินปิดทางขึ้น-ลงของน้ำทะเล อีกทั้งใช้รถแบ็กโฮรื้อทำลายบ้านพักชั่วคราวของชาวบ้าน โดยผู้ดำเนินการคอ้างว่ามีเอกสารสิทธิในที่ดินที่ดำเนินการ
วันนี้ชาวบ้านจึงตัดสินใจเรียกร้องให้ทางจังหวัดภูเก็ตเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อปกป้องทรัพย์สมบัติ ซึ่งเป็นผืนป่าชายเลนตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และที่สาธารณะอันเป็นสมบัติของชาติ
โดยมีข้อเสนอและข้อเรียกร้องให้ดำเนินการโดยเร่งด่วน คือ ขอให้จังหวัดภูเก็ต ระงับ ยุติการดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพใดๆ ทั้งสิ้น ในพื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าวโดยเร่งด่วน อาศัยกฎหมายการปกครองตามอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารสิทธิ ที่ดินในพื้นที่บริเวณดังกล่าวว่าออกมาโดยชอบหรือไม่ เพราะเป็นสภาพพื้นที่ป่าชายเลนมีน้ำทะเลท่วมถึงมากว่า 30 ปี ให้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบแนวเขตที่ดิน ตามเอกสารสิทธิทุกแปลงที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งปักแนวเขตแสดงให้ชัดเจน ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว สำรวจและจัดทำแนวเขตผืนป่าชายเลนที่เหลือ พร้อมทั้งจัดทำมาตรการฟื้นฟูและป้องกันการบุกรุกเพิ่มเติมให้ชัดเจนโดยทันที รวมทั้งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกทำลายป่าและทำให้เสียทรัพย์สมบัติของชาติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ ขอให้แจ้งให้ทางกลุ่มชาวบ้านทราบโดยมีลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน
ด้าน นายปรีชา กล่าวภายหลังจากที่ได้รับเรื่องแล้วว่า จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยนายอำเภอ เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 23 อบต.เกาะแก้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกรุก ทำลาย พื้นที่ป่าชายเลนที่เหลือและตรวจสอบเอกสารสิทธิ
ส่วนเรื่องที่จะให้ยุติการดำเนินการไถทำลายป่าชายเลนนั้น ไม่มีอำนาจในการสั่งการเรื่องนี้ เพราะมีการอ้างเอกสิทธิ แต่สามารถที่จะสั่งให้มีการตรวจสอบได้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการกับผู้บุกรุกตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (19 ก.พ.) นายเจษฎา แนบเนียน กำนันตำบลเกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย นางสมทรง จันทร์หอม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านบางคู ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต นางอรุณศรี วิเชียร สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะแก้ว และชาวบ้านบางคู ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ประมาณ 20 คน เดินทางเข้าพบ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือขอให้ระงับและยุติการบุกรุกเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลนบ้านบางคู ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดย นายเจษฎา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2551 ที่ผ่านมา ชาวบ้านบ้านบางคูได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในสมัยนั้น ขอให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ทับพื้นที่ป่าชายเลนและดำเนินคดีกับผู้บุกรุกเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลน ในพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านบางคู ต.เกาะแก้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังมิได้ดำเนินการใดๆ และระหว่างวันที่ 11-18 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีการนำรถแบ็คโฮจำนวนประมาณ 4-5 คัน เข้ามาไถทำลายปรับสภาพพื้นที่ป่าชายเลนทำให้พันธุ์ไม้ตายเป็นจำนวนมาก และทำคันดินปิดทางขึ้น-ลงของน้ำทะเล อีกทั้งใช้รถแบ็กโฮรื้อทำลายบ้านพักชั่วคราวของชาวบ้าน โดยผู้ดำเนินการคอ้างว่ามีเอกสารสิทธิในที่ดินที่ดำเนินการ
วันนี้ชาวบ้านจึงตัดสินใจเรียกร้องให้ทางจังหวัดภูเก็ตเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อปกป้องทรัพย์สมบัติ ซึ่งเป็นผืนป่าชายเลนตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และที่สาธารณะอันเป็นสมบัติของชาติ
โดยมีข้อเสนอและข้อเรียกร้องให้ดำเนินการโดยเร่งด่วน คือ ขอให้จังหวัดภูเก็ต ระงับ ยุติการดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพใดๆ ทั้งสิ้น ในพื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าวโดยเร่งด่วน อาศัยกฎหมายการปกครองตามอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารสิทธิ ที่ดินในพื้นที่บริเวณดังกล่าวว่าออกมาโดยชอบหรือไม่ เพราะเป็นสภาพพื้นที่ป่าชายเลนมีน้ำทะเลท่วมถึงมากว่า 30 ปี ให้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบแนวเขตที่ดิน ตามเอกสารสิทธิทุกแปลงที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งปักแนวเขตแสดงให้ชัดเจน ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว สำรวจและจัดทำแนวเขตผืนป่าชายเลนที่เหลือ พร้อมทั้งจัดทำมาตรการฟื้นฟูและป้องกันการบุกรุกเพิ่มเติมให้ชัดเจนโดยทันที รวมทั้งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกทำลายป่าและทำให้เสียทรัพย์สมบัติของชาติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ ขอให้แจ้งให้ทางกลุ่มชาวบ้านทราบโดยมีลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน
ด้าน นายปรีชา กล่าวภายหลังจากที่ได้รับเรื่องแล้วว่า จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยนายอำเภอ เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 23 อบต.เกาะแก้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกรุก ทำลาย พื้นที่ป่าชายเลนที่เหลือและตรวจสอบเอกสารสิทธิ
ส่วนเรื่องที่จะให้ยุติการดำเนินการไถทำลายป่าชายเลนนั้น ไม่มีอำนาจในการสั่งการเรื่องนี้ เพราะมีการอ้างเอกสิทธิ แต่สามารถที่จะสั่งให้มีการตรวจสอบได้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการกับผู้บุกรุกตามกฎหมายต่อไป
