นครศรีธรรมราช - "เทพไท เสนพงศ์"ขย่ม "จตุพร"มอบให้บัณฑิต ศิริพันธ์ หัวหน้าสำนักงานกฎหมายหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมทย์ เตรียมฟ้องแพ่งซ้ำหลังฟ้องอาญาหมิ่น"อภิสิทธิ์" ตีตนเสมอในหลวง แนะสามเกลอร่วมรับผิดชอบ "ใจ-ดา-สุชาติ" หมิ่นเบื้องสูงบนเวที นปก.
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้นายบัณฑิต ศิริพันธ์ หัวหน้าสำนักงานกฎหมายหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมทย์ ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในข้อหาหมิ่นประมาทว่า จริงๆ แล้วนายกรัฐมนตรีไม่อยากจะดำเนินคดีกับนักการเมืองด้วยกัน ในเรื่องการฟ้องถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรง นายจตุพรจงใจที่จะใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์เรื่อยมาไม่เคยหยุดยั้งทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์ได้อดทนมาโดยตลอดเพราะรู้ดีว่าการเป็นนักการเมือง การเป็นบุคคลสาธารณะจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ การเมืองในเรื่องความคิดที่แตกต่างสามารถวิจารณ์ได้ซึ่งไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดี แต่กรณีการฟ้องครั้งนี้ นายจตุพรพยายามใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์อย่างชัดเจนว่าทำตัวเสมอกับพระเจ้าอยู่หัว หากไม่ดำเนินคดีทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นจริงตามนั้น ความเป็นจริงนั้นสำนักพระราชวังซึ่งมีหน้าที่โดยตรงดำเนินการทั้งหมด นายอภิสิทธิ์จึงทำตามระเบียบปฏิบัติที่กำหนดมาจากสำนักพระราชวังแนะนำ
"ครั้งนั้นไม่ได้เป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินการทำเช่นนี้ ถ้านายจตุพรกลับไปดูนายกรัฐมนตรีที่นายจตุพรเทิดทูนอย่างน้อย 3 คนทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัครและ นายสมชายปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด นายจตุพรพยายามตัดตอนเอากรณีเข้าเฝ้าในบางเรื่องมาเปรียบเทียบเช่นกรณีพลตรีจำลองและพลเอกสุจินดา เข้าเฝ้ากรณีเหตุการณ์พฤติภาทมิฬที่บุคคลทั้งสองนั่งพื้นเป็นกรณีแตกต่างกัน แสดงให้เห็นว่านายจตุพรจงใจที่จะใส่ร้ายทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้งๆที่นายจตุพรถูกดำเนินคดีอาญามาแล้ว ทั้งหมด 5 เรื่อง 5 คดี ในคดีหมิ่นประมาททั้งนั้น"นายเทพไทกล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า การฟ้องครั้งนี้ทนายความได้ขอประทานศาลให้นับโทษที่ลงกับจำเลยในคดีนี้ต่อจากคดีอื่นๆ อีก 5 คดี ทั้งหมดไม่ได้เป็นเรื่องการโกรธแค้นอาฆาตส่วนตัว แต่ต้องชี้ให้เห็นว่าการเป็นนักการเมืองไม่มีสิทธิเหนือบุคคลธรรมดา ไม่มีสิทธิพิเศษอื่นใดที่จะกล่าวร้ายผู้อื่นหรือมีเจตนาทำลายทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใส่ร้ายที่เกี่ยวกับเบื้องสูงโดยปราศจากข้อเท็จจริง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้นนายจตุพรต้องรับผิดชอบและต้องไปสู้คดีอาญาในครั้งนี้ สำหรับคดีแพ่งที่จะฟ้องตามามายังมีอายุความภายใน 1 ปี ซึ่งต้องปรึกษากับทนายความอย่างไรต่อไป
โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า เชื่อว่าคดีนี้จะไม่ใช่คดีสุดท้ายของนายจตุพรและพรรคพวก เพราะเชื่อว่ายังมีการเคลื่อนไหวเช่นนี้รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง นายจตุพรและพวก 3 เกลอต้องรับผิดชอบด้วยไม่ใช่ปฏิเสธเอาตัวรอดกรณีแกนนำ นปก.เคลื่อนไหวบนเวทีท้องสนามหลวง และเวทีอื่นๆ ที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงคนเหล่านี้จะรับผิดชอบอย่างไรเช่นกรณี นายใจ อึ๊งภากรณ์ ออกแถลงการณ์สยามแดงโจมตีพระมหากษัตริย์ ดา ตอร์ปิโด ปราศรัยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และนายสุชาติ นาคบางไทร ที่กำลังหลบหนีคดีหมิ่นเบื้องสูง สามเกลอหัวกลมในฐานะแกนนำเคลื่อนไหวจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
อยากตั้งคำถามไปยังกลุ่มคนเหล่านี้ว่ากรณีนายกษิตย์ ภิรมย์ ผู้เข้าร่วมการชุมนุมของพันธมิตรไปปราศรัยบนเวที คนเหล่านี้พยายามเคลื่อนไหวให้รัฐบาลรับผิดชอบพฤติกรรมของนายกษิตทั้งๆ ที่เป็นพฤติกรรมก่อนรับตำแหน่งด้วยซ้ำ ก่อนเกิดรัฐบาลชุดนี้ด้วยซ้ำ กรณีของกลุ่มคนตัวเองออกมาเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายคนพวกนี้มองไม่เห็น ทำเฉยเมย ไม่รับรู้รับผิดชอบ อยากให้สังคมพิจารณาว่าคนเหล่านี้เป็นคนอย่างไร
"รวมไปถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่มีท่าทีหยุดยั้งได้และเพิ่มความรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด คนเหล่านี้จะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ในอนาคตอย่างไร วันนี้นัดชุมนุมหาทุนในวันวาเลนไทน์ที่วัดในเขตดอนเมือง อยากถามต่อว่าเงินที่หาทุนโต๊ะจีนที่โรงแรมมิราเคิลวันก่อน ยังไม่เพียงพอหรือ หรือว่าการจัดงานดังกล่าวเป็นการจัดฉากให้เห็นภาพว่าการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงไม่มีคนหนุนหลังทั้งๆ ที่เจ้าของม๊อบเสื้อแดงตัวจริงโฟนอินเปิดเผยตัวจริงให้คนสังคมเห็นแล้วในที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทยที่เขาใหญ่ ไม่กี่วันที่ผ่านมา
"ท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มเสื้อแดงไม่ได้มาจากการจัดเลี้ยงหาทุนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน การจัดเลี้ยงนั้นเป็นเพียงการสร้างภาพจัดฉากให้คนเห็นว่าม็อบเสื้อแดงบริสุทธิ์ไม่มีการเมืองแอบแฝงหนุนหลังทั้งที่สังคมรู้ว่าใครอยู่ข้างหลัง ใครเป็นเครื่องมือหรือลูกจ้างบริการจัดการความเคลื่อนไหว
"วันนี้รัฐบาลประกาศชัดเจนว่าต้องการสมานฉันท์และความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติไม่อยากให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสร้างเงื่อนไขให้ขัดแย้งในสังคม ไม่ว่าเสื้อแดงเสื้อเหลือง เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมามาก ความเชื่อมั่นกำลังกลับคืนมาแล้วหากกลุ่มคนเหล่านี้เห็นประโยชน์ประเทศชาติควรที่จะชะลอความเคลื่อนไหวให้โอกาสรัฐบาลจัดการแก้ปัญหาความแตกแยกในชาติ ด้วยหลักธรรมาภิบาลภายใต้นิติรัฐ ที่คนในชาติต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน" นายเทพไทกล่าวในที่สุด.