ปัตตานี – ผบ.กองกำลังผสมพลเรือนตำรวจทหารพบปะสื่อมวลชนปัตตานี เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างสันติสุขในพื้นที่
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ห้องประชุมปาฏอนี โรงแรมซีเอสปัตตานี พลโท กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการพลเรือนผสมตำรวจ ทหาร ได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบรรดาสื่อมวลชน ปัตตานี และถือโอกาสชี้แจงการทำงานของกองกำลังผสมพลเรือน (พตท.) ในยุคของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งยังคงมีกองกำลังหน่วยเฉพาะกิจใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ กองกำลังหน่วยเฉพาะกิจ ปัตตานี ยะลา สงขลา และ นราธิวาส นอกจากนั้น ยังมีกองกำลังด้านจิตวิทยาและมวนชน ได้แก่ กองกำลังหน่วยฉพาะกิจสันติสุข (หมวกแดง) ฉก.กร ฉก.อโณทัย และ กกล.ทพ.จชต.
นอกจากนั้น ยังได้มีการเสนอความคิดเห็นจากสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และได้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยเฉพาะการรณรงค์เพื่อให้มีการเปิดเบาะแสป้องกันเหตุระเบิด กลับใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม นอกจากนั้น ยังมีการพูดจาไม่สุภาพในระหว่างตรวจความเรียบร้อยรถที่สัญจรผ่านด่านตรวจ
และเรื่องการเสียชีวิตของโต๊ะอิหม่ามสายบุรี และเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยญาติไม่ยอมให้มีการชันสูตรพลิกศพ แล้วชาวบ้านได้ร่วมกันแห่ศพในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน พร้อมแสดงความไม่พอใจกับการสุญเสียอิหม่ามในครั้งนี้ แม้เจ้าหน้าที่ได้มีการปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำ จนกระทั่งได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงและตัดศีรษะและราดน้ำมันจุดไฟเผา 2 ทหารพราน เหมือนเป็นการตอบโต้ซึ่งกันและกัน ซึ่งถ้าปล่อยเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเกรงอาจจะเพิ่มความขัดแย้งและยากต่อการแก้ไขและเยียวยา
ด้าน พลโท กสิกร คีรีศรี ผบ.ผสมพลเรือน กล่าวว่า ปัจจุบันเหตุการณ์มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก แต่บางครั้งมีเหตุเกิดขึ้นดูจะมีความรุนแรง เพราะเป็นการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม และมั่นใจว่าเราจะยังคงดำเนินตามเดิมแต่อาจมีการเพิ่มเติมไปบ้างเพื่อลดช่องว่าง
ส่วนกรณีอิหม่ามที่สายบุรีนั้น เราได้สั่งการให้เร่งการสืบสวนและสอบสวน ว่า มีใครเกี่ยวข้องเพื่อที่จะนำไปสร้างความเข้าใจให้กับญาติผู้เสียหายและประชาชนทั่วไปให้ได้เร็วที่สุด และมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนเขาพร้อมที่จะรับข้อมูลที่เป็นจริง นอกจากนั้น การชันสูตรพลิกศพนั้นเราอาจดึงตัวแทนของภาคประชาชนที่มีการยอมรับของประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเข้าร่วม ชันสูตรพลิกศพเพื่อลดปัญหาความระแวงและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการของกฎหมาย