xs
xsm
sm
md
lg

ชาวระนองนับพันรวมตัวต้าน UNHCR ตั้งศูนย์อพยพโรฮิงยา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวจังหวัดระนองกว่า 1 พันคน รวมตัวต่อต้าน คัดค้านการจัดตั้งศูนย์อพยพชาวโรฮิงญาในพื้นที่ ของ UNHCR
ระนอง - ชาวระนองกว่า 1,000 คน รวมตัวต่อต้าน คัดค้านการตั้งศูนย์อพยพชาวโรฮิงยา ที่จังหวัดระนองของ UNHCR อย่างเด็ดขาด แต่ให้ไปแก้ปัญหาที่ประเทศต้นทาง คือ พม่า ยันหากยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เตรียมเคลื่อนไหวอีกครั้งอย่างแน่นอน

วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. กลุ่มพลังมวลชนจังหวัดระนอง ในนามของ “กองกำลังประชาชนชายแดนไทย-พม่า” กว่า 1,000 คน นำโดยนายสุชีพ พัฒน์ทอง รวมตัวกันบริเวณสวนสุขภาพเทศบาลเมืองระนอง อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อต่อต้านแนวคิดการจัดตั้งศูนย์อพยพชาวโรฮิงยา ที่จังหวัดระนอง ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR โดยมีการปราศรัยโจมตี UNHCR ที่พยายามผลักดันให้มีการตั้งศูนย์อพยพชาวโรฮิงยา ที่จังหวัดระนอง พร้อมกับเขียนข้อความต่างๆ บนป้ายผ้าที่ไม่เห็นด้วย

จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน นำโดยนายสุชีพ ได้ขึ้นรถยนต์ แล้วเคลื่อนขบวนไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง หลังจากทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ของ UNHCR และ นายอิทธิพร บุญประคอง รองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ที่กำลังเยี่ยมชาวโรฮิงยา ที่ถูกกักตัวอยู่ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกคัดค้านการตั้งศูนย์อพยพชาวโรฮิงยา

โดย นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง รับอาสาเป็นผู้ประสานงานให้ จากนั้น นายทรงสิทธิ์ จารุปราณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ของ UNHCR ได้ออกมารับจดหมายจากตัวแทนผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง

นายสุชีพ พัฒน์ทอง กล่าวว่า พวกตนทั้งหมดได้ประกาศเจตนารมณ์ ว่า จะไม่ยอมให้ผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวพม่า เชื้อสายโรฮิงญา เข้ามาในพื้นที่อีกเป็นอันขาด และจะไม่ยอมให้มีการจัดตั้งศูนย์รับผู้หลบหนีเข้าเมืองในพื้นที่จังหวัดระนองโดยเด็ดขาด หากกลุ่ม องค์กร หรือประเทศใด ที่ต้องการรับผู้หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มนี้ไปดูแล พวกตนพร้อมจะอำนวยความสะดวกให้ ขอให้ UNHCR ไปแก้ปัญหาที่ประเทศต้นทาง คือ พม่า ไม่ใช่ผลักภาระมาให้ประเทศไทย

และหาก UNHCR ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ และพร้อมรวมพลัง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้รัฐบาลไทย และนานาประเทศได้รับทราบ ซึ่งเย็นวันนี้ (3 ก.พ.) ผู้ชุมนุมจะไปยื่นจดหมายเปิดผนึก ให้เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย บังกาเทศ และพม่า ที่ท่าอากาศยานระนอง ก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่ทูต จะเดินทางไปเยี่ยมชาวโรฮิงยา ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และโรงพยาบาลระนอง

นายสุชีพ กล่าวต่อไปด้วยว่า เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ที่ชาวระนองต้องต้อนรับผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวพม่าเชื้อสายโรฮิงยา และมีจำนวนเพิ่มทวีมากขึ้นทุกปี พวกเรากองกำลังประชาชนชายแดนไทย-พม่า จำเป็นต้องต้อนรับผู้หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มนี้ ที่มีสภาพอดอยากหิวโหย แต่ด้วยน้ำใจของเจ้าบ้านที่ดีตลอดมา โดยการให้อาหาร ให้ที่พักพิงชั่วคราว จนกว่าจะมีสภาพที่ดี และมีความแข็งแรงแล้วอำนวยความสะดวกในการเดินทางต่อไป

สำหรับปัญหาที่พวกเราประสบ คือ ต้องสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัว และทรัพยากรในการดูแลคนกลุ่มนี้ มีการลักเล็กขโมยน้อยในพื้นที่ ตลอดเวลาที่ผู้หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มนี้เข้ามาเสี่ยงต่อการติดโรคระบาด เสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรมในพื้นที่ และไม่อยากเป็นแพะรับบาปของกลุ่มประเทศตะวันตก ที่ประณามการกระทำของพวกเราทั้งๆ ที่เป็นผู้แก้ปัญหา และรับเคราะห์กรรมตลอดมา

ด้าน นายทรงสิทธิ์ จารุปราณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ของ UNHCR กล่าวว่าเพียงสั้นๆ ว่า ตนไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง แต่จะนำจดหมายไปหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน

ส่วน นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวล ทางจังหวัดจะตัดสินใจดำเนินการเรื่องต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ชาวระนองเป็นหลัก

นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รอง ผจว.ระนอง หารือกับตัวแทนชาวบ้าน
นายทรงสิทธิ์ จารุปราณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ของ UNHCR รับจดหมายเปิดผนึกจากตัวแทนชาวบ้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น