“ไชยวัฒน์” ระบุการเมืองใหม่ต้องเริ่มต้นที่ภาค ปชช.

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” ระบุประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย ชี้การเมืองใหม่จะต้องเริ่มต้นไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วร้าย จัดตั้งเป็นรูปคณะกรรมการการภาคประชาชนเพื่อให้เกิดเครือข่าย

เมื่อคืนวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บ้านกมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จัดเวทีเสวนาเรื่อง “การเมืองใหม่กับสังคมปัจจุบัน” ที่บริเวณมัสยิดกมลา องกะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายการุณ ใสงาม และนายวีระ สมความคิด มาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการเมืองใหม่ให้แก่ประชาชนและพันธมิตรฯ ในพื้นที่ได้รับทราบ ซึ่งมีเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในพื้นที่ ต.กมลา พื้นที่ใกล้เคียง และในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมจำนวนมาก

นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เมื่อประชาชนเป็นเจ้าของก็ต้องมีหน้าที่ แต่เมื่อตนลุกไปทำหน้าที่ก็ถูกจับหาว่าตนเป็นกบฏ วันที่ตนถูกจับตนไม่เจ็บปวดอะไร แต่ว่าตนเจ็บปวดว่าสื่อมวลชนบางส่วน คอลัมนิสต์บางคอลัมน์เขียนว่าตนมีแผนสร้างความเห็นใจสร้างกระแสให้ตัวเอง ยอมให้ตัวเองถูกจับซึ่งถือเป็นแผนที่วางไว้ ถ้าลองคิดได้แค่นั้นก็ลองถูกจับเข้าคุกดูบ้างแล้วกัน

“โดยตำรวจตั้งข้อหาผมเป็นกบฏ ตั้งได้ยังไง ใครที่ทำหน้าที่ปกบ้านป้องเมืองกลับถูกใส่ข้อหาให้เป็นกบฎ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วใครจะกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ปกบ้านป้องเมือง เพราะปกบ้านป้องเมืองเมื่อไหร่ เจอข้อหากบฏเมื่อนั้น แล้วบังเอิญว่าศาลชั้นอุทธรณ์ยกข้อหานี้ ไม่อย่างนั้นแล้วโทษถึงประหารชีวิต โดยเมื่อมีใครต่อต้านรัฐบาลจะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏต่อการปกครองถ้ารัฐบาลโกงกิน รัฐบาลขายชาติ รัฐบาลไม่ได้ทำการปกครองบ้านเมืองตามหลักการที่ถูกต้องของการปกครองระบอบธิปไตยแล้ว ประชาชนเจ้าของอธิปไตย ต้องลุกขึ้นมาปกบ้านป้องเมือง ล้มล้างรัฐบาลทิ้ง แต่ถ้ารัฐบาลทำถูกต้องเหมาะสมแล้ว ใครมาปั่นป่วนรัฐบาลอย่างไอ้เสื้อแดงทำอยู่เนี่ย เค้าเรียกว่ากบฏ” นายไชยวัฒน์ กล่าว

นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ถ้าเข้าถึงความจริงตรงนี้ไม่ได้ก็จะหลงเชื่อตามนักการเมืองบอกว่า ใครล้มล้างรัฐบาลแล้วเป็นกบฎ ซึ่งมันไม่ใช่ มันมีเหตุมีผลซ่อนอยู่ คนที่จะเป็นกบฏจริงๆ คือคนที่จะล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นการล้มล้างรัฐบาลถ้ารัฐบาลโกงกิน คอร์รัปชัน รัฐบาลไม่รักษาคำมั่นกับพี่น้องประชาชน รัฐบาลทำไม่ถูกก็ต้องล้มล้างได้ ซึ่งทั่วโลกใช้

แต่ในเมืองไทยนักการเมืองมาทำบิดๆ เบี้ยวๆ ใครจะล้มล้างรัฐบาลก็กลายเป็นกบฏ วันนี้ถ้าเรามาถึงตรงนี้ได้เรากำลังจะถูกปูพื้นเพื่อเข้าสู่การเมืองใหม่ แต่ถ้าเราเข้าใจหลักตรงนี้ไม่ได้ มันไปการเมืองใหม่ไม่ได้เช่นกัน ต้องวนอยู่ในอ่างนี้

นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่า เชื่อไหมว่าวันนี้เรามีปัญหาอย่างไรบ้าง เรามีปัญหาว่าเราขาดความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนรู้ว่ามีเว็บไซต์ต่างๆ นานาที่โจมตีจาบจ้วงสถาบัน แต่รัฐบาลที่ผ่านมาตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ดำเนินการตามที่ควรเลย รัฐบาลอย่างนี้ต้องล้มล้างทิ้ง เพราะปล่อยให้คนไทยกลุ่มหนึ่ง ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ฐานะเป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นประมุขของประเทศ

สิ่งเหล่านี้เราต้องตระหนักและยืนหยัดยืนยันว่า วันนี้ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทยก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ ใครคิดจะเปลี่ยนการปกครองจากนี้ไป คือ กบฎหมด ตนมั่นใจว่าพี่น้องคนใต้ทุกคนที่เข้าใจการเมืองมากกว่าภาคอื่นไม่เอาด้วย พี่น้องทั้งหลายถ้าชัดเจนประเด็นนี้เราจะเข้าสู่การเมืองใหม่ง่ายขึ้น

“ถามว่าการเมืองใหม่จะเป็นอย่าง บางคนบอกว่าเราควรจะมี ส.ส.ทุกสาขาอาชีพ สรรหาเท่าไหร่ เลือกตั้งเท่าไหร่ก็ว่ากันไป เมื่อเรารวมพลังกันมาร่วมกันต่อสู้กันมา ตั้งใจว่าจะต้องสู้ต่อไปแม้จะไม่ได้อะไรเท่าที่ควร จึงถามว่าเราจะสู้กันยังไง จะรวมตัวกันอย่างไรเพื่อให้การต่อสู้นั้นไม่ต้องเหนื่อยมากเหมือนการโหมโรงเมื่อ7เดือนที่ผ่านมา เมื่อพี่น้องตื่นตัวกันมาเยอแยะ วันนี้พี่น้องก็จำเป็นจะต้องหาคนในพื้นที่ ที่พี่น้องพร้อมมาเป็นรูปคณะกรรมการ

เช่น คณะกรรมการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะต้องประกาศตัวเป็นคณะกรรมการภาคประชาชนของภูเก็ต วางตัวว่าใครจะเป็นประธาน รองประธาน เหรัญญิก จากนั้นก็จัดคณะกรรมการอำเภอ อำเภอละกี่คนก็ว่าไป ที่นำเสนอเพื่อพัฒนาต่อ วันนี้ไม่มีจังหวัดไหนประกาศใครเป็นประธาน ใครเป็นรองประธาน และเมื่อแต่ละจังหวัดสรรหาได้ครบแล้วก็มาคัดสรรกันในคณะกรรมการจังหวัดจะเอาใครมาเป็นคณะกรรมการภาคใต้ ตอนบนตอนล่างก็ว่าไป เพื่อให้เวลาเดินทางมาประชุมกันนั้นมันไม่ต้องเดินทางไกลมาก เมื่อภาคใต้ก็ต่อไปที่ภาคอีสาน ต่อภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนล่าง ภาคเหนือตอนบน กรุงเทพมหานครและปริมณทล ก็จะเกิดคณะกรรมการระดับชาติ อย่างนี้เรียกว่า ยามพักศึก จัดกองทัพให้เบ็ดเสร็จ เพราะถ้าเราจบแค่เวทีปราศรัย เสร็จแล้วต่างคนต่างไปก็จะไม่ได้อะไรเกิดขึ้น” นายไชยวัฒน์ กล่าว และว่า

สำหรับการเมืองใหม่ ถามว่าหากจัดคณะกรรมการเรื่อยๆ จะเกิดอะไร คำตอบคือ เกิดเครือข่ายภาคประชาชน จัดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 87 ถ้าจัดแล้วจะมีสิทธิหน้าที่อะไรบ้าง 1 ร่วมกันคิดร่วมกันตัดสินใจว่าจะนำทิศทางภูเก็ตอย่างไร 2 ร่วมกันตรวจสอบอำนาจรัฐตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ 3 ร่วมเรียนรู้การเมืองร่วมกันโดยรัฐจะต้องให้การสนับสนุนถ้าพ่อแม่พี่น้องเห็นด้วยและรวมพลังกันทำ ก็คือการปฎิบัติการเมืองใหม่เลย ไม่ใช่รอเขียนจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร นั่นคือการเขียนความคิดแล้วก็เขียนบนกระดาษ แล้วก็ไม่มีการปฏิบัติอย่างเช่นมาตรา 87 เขียนไว้ตกทอดมาแต่รัฐธรรมนูณ 40 แล้วปรับเป็นเครือข่ายภาคประชาชนปี 2550 ไม่มีการปฏิบัติเลย

ชาวพันธมิตรฯ จะปฏิบัติได้เมื่อทุกคนจัดเป็นกรรมการแล้ว มีสำนักงานประสานงานกลางระดับชาติ ระดับภาคระดับจังหวัด เพื่อเรียกร้องจากรัฐบาล ไม่ต้องคิดออกแค่ชุมนุมอย่างเดียว มีการแถลงกันเป็นรายจังหวัดคณะกรรมการจังหวัดภูเก็ตของเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลยังบิดพริ้ว ยังดื้อด้านจะทำ เราจะมีมาตรการต่อไป

การเข้าสู่การเมืองใหม่ในความเป็นจริงแล้ว ตลอด 75 ปีของการปกครองไทย ไม่เคยมีมาก่อน ในอดีตภาคประชาชนอ่อนแอ ถึงขนาดเดินไปขออำนาจอธิปไตย ยอมขาดสิทธิขายเสียง แต่ถ้าพี่น้องมีจิตสำนึก ชุมนุมมา 7-8 เดือน ถามชาวพันธมิตรว่าถ้ามีการเลือกตั้งแล้วใครเอาเงินมาให้จะเอาหรือไม่ บางส่วนไม่เอา แต่บางส่วนเอาแต่ไม่เลือก นั่นเรียกว่ามีจิตสำนึก เริ่มรู้เท่าทัน พันธมิตรเวลานี้มีกี่ล้านคน ไม่มีใครทราบการณ์ชัดเจนได้ แต่น่าจะอยู่ในตัวเลขประมาณ 10 ล้าน ซึ่งสามารถจัดเป็นระบบจัดเป็นองค์กรภายใต้ระบบองค์กรคือเป็นลูกคณะกรรมการ ถ้ามีภารกิจก็ตั้งกรรมการตามภารกิจ

วันนี้เมื่อตื่นตัวเราต้องรวมกันเป็นคณะกรรมการจังหวัด และเป็นเครือข่ายพี่น้องที่ตื่นตัวเพื่อพัฒนา นี่คือการปฎิบัติการเมืองใหม่ ทุกประเทศที่เจริญมา เค้าตื่นตัวกันทั้งนั้น แต่ประเทศไทยไม่มี วันนี้ลองให้ทุกคนไปคิดพิจารณาดู เวลานี้องค์กรที่ถือว่าเป็นแนวร่วมกับแกนนำพันธมิตรฯ คือ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย แต่ถ้าทุกคนประกาศตัวเป็นพันธมิตรและเป็นแกนอย่างนี้มันก็หลวมๆ จึงต้องเร่งให้มีคณะกรรมการระดับอำเภอ และเชิญคณะกรรมการบางส่วนไปกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวร่วมกัน ตลอดทั้งปี 52 หารือกันอย่างที่ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งทางอเมริกาจะจัดตั้งสมัชชาประชาชนไทยแห่งอเมริกาเหนือ

บ้านเมืองเราจะเกิดสันติสุขได้เพราะภาคประชาชน ในฐานะเจ้าของอธิปไตย โดยการตื่นตัว ตระหนักในหน้าที่ ศรัทธาในความถูกต้องและความดี ไม่ยอมแพ้ต่อความเลว