ยะลา - แม่ทัพภาคที่ 4 และแพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจน์สุนันท์ พบปะนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เพื่อชี้แจงการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ให้นักศึกษาในพื้นที่รับทราบ
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสำนักนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาพบปะกับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จำนวนกว่า 3,000 คน เพื่อชี้แจงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ และแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบของกองทัพ รวมทั้งขอความร่วมมือในการมีส่วนร่วมแก้ปัญหา เพื่อสร้างความสงบสุขในพื้นที่
พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาชี้แจงการทำงานในการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือปกครอง ให้นักศึกษารับทราบ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยทหารลงพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหาของชาชน และนำมาช่วยกันแก้ไขปัญหา รวมทั้งการใช้กระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์หลักฐานการก่อความไม่สงบ
การดำเนินการต่างๆ ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นจะร่วมปฏิบัติการด้วยทุกครั้ง เพื่อให้ประชาชนคลายกังวล ซึ่งคิดว่าแนวทางการทำงานดังกล่าว จะลดปัญหาความหวาดระแวงได้มาก แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น บริเวณหมู่ที่ 4 บ.บาโงกาเปาะ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แล้วเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายเป็นเหตุให้ นายอับดุลอาซิ คงเสถียร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ที่ 4 ต.เมาะมาวี ถูกยิงเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนขนาด .38 ได้จำนวน 1 กระบอก โดยหลังเกิดเหตุได้มีชาวบ้านออกมาแสดงความไม่พอใจเนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นผู้พิการนั้น ว่ากรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ ด้วยพยานหลักฐาน เพราะถึงแม้จะพิการ แต่มือก็สามารถใช้การได้ และผู้เสียชีวิตดังกล่าว ก็ใช้ปืนยิงเจ้าหน้าที่ก่อน นอกจากนั้นจากการตรวจสอบลายนิ้วมือ ตรวจสอบเขม่าดินปืน ก็พบเป็นหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งผู้ที่เสียชีวิตก็มีหมายจับในหลายคดี
กรณีนี้ถือว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ และตนได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปชี้แจงชาวบ้านทราบ รวมทั้งนำหลักฐานไปชี้แจงทั้งหมดแล้ว ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เข้าใจ จะมีเพียงชาวบ้านที่มาจากพื้นที่อื่นที่พยายามไม่เข้าใจ
นอกจากนี้ การดำเนินคดีกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะนี้ได้ใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งคงจะไปบินเบือนข้อมูลหลักฐานอะไรไม่ได้ และตนเองก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกแห่ง ว่า หากหน่วยใดไม่ปฏิบัติตามนโยบาย ก็จะดำเนินการลงโทษอย่างรุนแรง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่น