นราธิวาส - ผู้เลี้ยงปลาในกระชัง 50 รายขาดทุนยับ หลังน้ำท่วม น้ำเค็มกลายเป็นน้ำจืด ส่งผลให้ปลาเก๋าและปลากะพงตายเกลื่อน
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์หลังสภาวะฝนเข้าสู่ปกติในพื้นที่ว่า กลุ่มผู้เลี้ยงปลาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสกว่า 50 รายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังได้ไหลทะลักเข้ามาในกระชังเลี้ยงปลาทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนไป ปลาไม่สามารถปรับตัวได้ทำให้ปลาตายไปหลายกระชัง
ด้านนายทรงศักดิ์ งานศิริ อายุ 57 ปี ผู้เลี้ยงปลาในกระชังในลำคลองไรลา ซึ่งเป็นลำคลองสาขาของแม่น้ำบางนรา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส กล่าวว่า หลังจากเกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาสถึง 2 ระลอก ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนลงไปผสมกับน้ำเค็มในลำคลองไรลา จนกลายสภาพเป็นน้ำกร่อย มีความเค็มลดลง ซึ่งส่งผลให้ปลาเก๋า และปลากะพงที่ชาวประมง 51 ราย เลี้ยงไว้ในกระ ชังอยู่กลางลำคลองไรลา 250 – 300 กระชัง กระชังละ 250 ตัว ตัวละ 2 กิโลกรัม ทนสภาพความเปลี่ยนแปลงของน้ำไม่ไหวตายเกือบหมด ซึ่งทำให้ผู้เลี้ยงปลาขาดทุนอย่างหนัก
"ผมเลี้ยงปลาเก๋าในกระชังรวม 13 กระชัง แต่ละกระชังเลี้ยงปลาไว้ 250 ตัว ผมดูแลอยู่นานถึง 7 เดือน จนปลาเก๋าโตขึ้น ได้น้ำหนักตัวละ 1 - 1.50 กิโลกรัม มีคนมาขอซื้อแล้วในราคา 150 - 200 บาทต่อกิโลกรัมแต่ผมยังไม่ขาย คิดว่าจะเลี้ยงปลาไว้ให้โตกว่านี้ เพื่อจะขายได้ราคาดีถึง 250 - 300 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 500,000 บาทและผมได้ตกลงไว้กับบุตรชาย ที่เป็นผู้ที่ช่วยผมเลี้ยงปลามาตั้งแต่ต้นว่าหากขายปลาได้เงินมาแล้ว จะเอาเงินที่ได้มาไปซื้อรถยต์กะบะแต่พอเกิดฝนตกหนัก น้ำฝนตกลงผสมกับน้ำเค็ม น้ำในลำคลองไรลากลายเป็นกร่อยปลาเก๋าที่เลี้ยงไว้ 3,000 กว่าตัวตายเกือบหมด เหลือเพียงไม่ถึง 100 ตัวทำให้ความฝันที่จะนำเงินที่ได้จากการขายปลาไปซื้อรถยนต์สลายลงภายในคืนเดียว" นายทรงศักดิ์ กล่าวด้วยความเสียใจ
