xs
xsm
sm
md
lg

ตีแผ่อุดมการณ์พธม. “ปลื้ม รอดแก้ว” ผู้มีจิตสำนึกตอบแทนคุณแผ่นดินเกิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ปลื้ม”กับลูกสาว “โบตั๋น”แก้วตาดวงใจ
ศูนย์ข่าวภูเก็ต

เป็นระยะเวลา กว่า 3 ปีแล้ว ที่หนุ่มจากเกาะภูเก็ตไข่มุกแห่งอันดามัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “ปลื้ม รอดแก้ว”ได้อุทิศทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ และกำลังใจ เพื่อร่วมต่อต้านและขับไล่รัฐบาลทรราช นำแผ่นดินไทยกลับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

ก่อนที่จะเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “ปลื้ม” ได้ทำงานเป็นพนักงานอยู่ในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งแถวๆเชิงทะเล ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จนถึงขณะนี้ก็ยังทำงานอยู่ในโรงแรมดังกล่าว และเป็นรองประธานสหภาพแรงงานจังหวัดภูเก็ต

จากการที่ “ปลื้ม” ได้ทำงานอยู่ในสหภาพแรงงานฯ และได้ร่วมประชุมกับสหภาพที่กรุงเทพฯอยู่เนืองนิตย์ ทำให้ปลื้มได้เห็นการทำงานของ “สมศักดิ์ โกศัยสุข”อยู่บ้าง ประกอบกับชื่นชอบในอุดมการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯอยู่แล้ว ทำให้ปลื้มไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ แม้ว่าตอนนั้นปลื้มจะมีภาระอันหนักอึ้ง ในการที่ต้องเลี้ยงดูลูกสาว “น้องโบตั๋น” ในวัยสองเดือน แต่ก็ได้แรงหนุนจากภรรยาที่อาสาเป็นคนดูแลลูกเอง โดยให้ “ปลื้ม” ได้ทำหน้าที่ในฐานะคนไทยที่รักชาติ ร่วมกู้ชาติขับไล่รัฐบาลทรราชกับกลุ่มพันมิตรฯอย่างเต็มกำลัง

“ปลื้ม” ถือเป็นอีกหนึ่งพี่น้องพันธมิตรฯพร้อมที่เสียสละเวลางาน หรือแม้แต่เวลาส่วนตัวทั้งหมด ไม่สนใจว่าการเสียสละจะได้รับผลกระทบจากการเข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้มากแค่ไหน โดยเฉพาะหน้าที่การงานที่เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง เสี่ยงต่อการตกงาน เสี่ยงต่อการไม่มีงานทำหลังจากเลิกชุมนุม แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น มีอุดมการณ์ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เขาจึงได้ยอมสละเวลาทั้งหมดมอบให้แก่พันธมิตรฯ กระทั่งได้สัมผัสกับชัยชนะครั้งใหม่ ที่รอมามากกว่า 190 วัน นี่คือคำบอกเล่าของ “ปลื้ม” ผู้ชายตัวเล็กๆ แต่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ “รักชาติ พระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ”

ปฏิบัติการต่อต้านระบอบทักษิณ “ปลื้ม” เล่าให้ฟังว่า เริ่มเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ปี 2548 ด้วยการติดตามดูเคเบิลทีวีและทำงานด้านการใช้แรงงาน จึงได้ไปสะดุดกับอุดมการณ์สมศักดิ์ โกศัยสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตร ที่มาจากภาคส่วนแรงงาน และขึ้นปราศรัยต่อต้านขับไล่ระบอบทักษิณ แนวความคิดเหล่านั้นได้ซึมซับและทำให้มีจิตใจที่แน่วแน่แล้วว่าต้องทำอะไร เพื่อตอบแทนผืนแผ่นดินเกิดบ้าง

“ ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมมีจิตสำนึกว่า ที่เราเป็นไทยอยู่ทุกวันนี้ เพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ก่อร่างสร้างประเทศให้เราเป็นไทยถึงทุกวันนี้ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับประเทศไทย เราในฐานะคนไทยคนหนึ่งจะต้องช่วยกัน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา

จึงได้เดินทางไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ และในแต่ละครั้งที่เดินทางไปร่วมชุมนุม ไม่ได้ไปเพราะถูกเพื่อนลากหรือถูกบังคับ แต่ไปเพราะเห็นแก่บ้านแก่เมืองที่เกิดวิกฤตมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเราต่างคนต่างนิ่งดูดาย ต่างคิดว่าให้เป็นหน้าที่ของพันธมิตรฯฝ่ายเดียว แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ตนจึงต้องเข้ามาช่วยเพื่อให้มันมีพลังเพิ่มมากขึ้นในการเข้ามาต่อสู้เพี่อความถูกต้อง”


ทุกคำพูดที่กล่าวออกมาจากปาก ของ “ปลื้ม” สายตาที่ดุดัน เปี่ยมไปด้วยพลังอันมากล้นของหนุ่มอันดามันรายนี้ล้วนหนักแน่น และมีความจริงใจ ที่พร้อมจะเสียสละแม้แต่ชีวิตเพื่อประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่ง

“ปลื้ม” ถือเป็นอีกหนึ่งแกนนำแถวๆบ้านเชิงทะเลและบ้านดอนที่ระดมคนขึ้นไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯทุกครั้งที่มีการเรียกระดมพล ซึ่ง “ปลื้ม” เล่าให้ฟังว่า การไปร่วมชุมนุมทุกครั้ง เมื่อมีการเรียกมวลชนสมทบ ตนเองจะนำพี่น้องพันธมิตรฯร่วมอุดมการณ์เดียวกันเดินทางไปด้วยทุกครั้งโดยมีการประสานกับแกนนำพันธมิตรฯเมืองภูเก็ต

“ผมสละเวลาส่วนตัวไปทุกครั้งเมื่อมีการเรียกมวลชนสมทบ และทุกครั้งที่ไปจะนำมวลชนติดตามไปด้วยทุกครั้ง จึงถือได้ว่า เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมสมัครเข้าไปเป็นการ์ด เพราะการพามวลชนขึ้นไป เราจะต้องดูแลความปลอดภัยให้เขาด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วความเข้มแข็งจะไม่เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องดูแลมวลชนให้เป็นหนึ่งเดียวและเป็นระเบียบเรียบร้อย”

ส่วนผลกระทบต่อหน้าที่การงานหลังจากประกาศตัวเข้าร่วมการชุมนุม ปลื้ม บอกว่า มีผลกระทบต่องานพอสมควร แต่การไปชุมนุมได้ใช้เวลาช่วงพักร้อนที่มีอยู่ในการเดินทาง ยิ่งช่วงนี้นักท่องเที่ยวมีจำนวนลดน้อยลง ทำให้มีเวลาในการพักร้อนเพิ่มมาก รวมทั้งวันหยุดประจำปี รวมแล้วมีอยู่ประมานเกือบ 2 เดือน ซึ่งได้มอบให้แก่พันธมิตรฯไปทั้งหมด

“ปลื้ม” เล่าต่อไปว่า การไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯจะไม่มีทีมงานแต่จะมีพรรคพวกที่ดูแลบางกลุ่ม อย่างเช่น ถ้าต้องการมวลชนเพิ่ม ก็จะกระจายข่าวไปยังพรรคพวกที่ควบคุมมวลชนอยู่ในส่วนต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต อย่างตนจะมีหน้าที่ดูแลในส่วนของบ้านดอน-เชิงทะเลในการนำมวลชนขึ้นไปในแต่ละครั้ง

“พี่น้องพันธมิตรฯบ้านดอนจะเข้มแข็งมาก เช่น ถ้ามีข่าวว่าส่วนกลางจะใช้มวลชน ทุกคนจะรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างมาก และจะเตรียมพร้อมโดยติดต่อสอบถามมาที่ผม ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง มีอะไรบ้างที่พวกเขาพอจะช่วยได้ แต่เชิงทะเลนี่จะอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อผมไปถึงกรุงเทพฯ แล้วผมจะทำหน้าที่ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการ์ด รับบริจาคของ แจกเครื่องอุปโภคบริโภค และอื่นๆที่สามารถช่วยเหลือได้” ปลื้มกล่าว

นอกจากนี้ “ปลื้ม” ยังได้ให้แนวคิดการเมืองใหม่อีกว่า ในมุมมองของตนเองมองว่ามันยากที่จะเกิดขึ้น เพราะการเมืองยังไม่เข้มแข็ง ซึ่งการเมืองใหม่ก็คงจะยังไม่เกิด อยู่ที่สปิริตของนักการเมืองแต่ละคนว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน ยึดอุดมการณ์หรือผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง ตรงนี้ต้องอยู่ที่นักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งปัญหาก็ไม่จบอีก อย่างที่ทราบกันว่านักการเมืองกลุ่มนี้ทำเพื่อใคร อย่างกรณีเขาพระวิหาร คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบได้อย่างไร ทั้งที่ต้องผ่านสภาก่อน ข้อเท็จจริงตรงนี้เราจะต้องไปพิสูจน์อีกครั้งว่าเสียดินแดนไปมากน้อยแค่ไหน

ปลื้มยังได้กล่าวคำขอบคุณต่อพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ร่วมแรงร่วมใจในการไปชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ตนรู้สึกภูมิใจกับพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคนที่ได้ไปร่วมชุมนุมด้วยกัน จะสรรหาคำใดมาขอบคุณก็คงจะไม่พอ แต่ในทางกลับกันรู้สึกโกรธและโมโหมาก กับคนที่ต่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเราเสียสละทำเพื่อประเทศชาติ แต่พวกเขากลับไม่ทำอะไรเลย มิหนำซ้ำยังมาต่อว่ากันอีก

ปลื้มยังได้ฝากไปยังพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคนอีกว่า

“ผมหวังว่าพี่น้องพันธมิตรฯทุกท่านเราคงจะได้พบกันอีกถ้าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ยังอยู่ในกลุ่มเดิม และมีขั้วอำนาจเดิมๆเข้ามาบริหารประเทศ เพราะคนพวกนี้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศเสียอีก”

กำลังโหลดความคิดเห็น