สตูล - นักการเมืองสตูลเห็นด้วยกับการสานต่อ 6 นโยบาย ขณะที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการสานต่อ 6 นโยบาย ควรนำงบประมาณไปช่วยเหลือคนตกงานมากกว่า
วันนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สตูล ว่าจากกรณีภาครัฐมีนโยบายสานต่อ 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชนนั้น นายกงทอง พานิชวิทย์ อายุ 53 ปี นักการเมืองท้องถิ่นสตูล กล่าวว่า เห็นดีกับ 6 มาตรการที่ต้องสานต่อ เพราะเป็นผลดีต่อประชาชนระดับกลางลงไป เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่มีสวัสดิการ เมื่อมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาที่มาจากชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมก็ไม่ต้องสนใจ สนใจที่ว่าภาคประชาชนจะได้อะไรที่เป็นสวัสดิการ อย่าง 6 มาตรการที่มีมาแล้วควรมีต่อไป
ทั้งนี้ มองว่าเป็นการแก้วิกฤตเศรษฐกิจได้ เพราะเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก และจะกระทบถึงประเทศไทย ยิ่งในปี 2552 นี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นการประหยัดค่าน้ำค่าไฟ ค่าพาหนะเดินทางมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ เมื่อมีการกระจายทางด้านการเงินเศรษฐกิจก็ได้กระเตื้องขึ้น ซึ่งเป็นการหมุนเวียนของภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหากนำนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผนวกเข้ามาใช้ ประเทศไทยจะไปรอดโดยไม่ต้องง้อใคร เพียงแต่คนไทยลืมไปว่าในหลวงมีพระราชดำริมา 30 ปีแล้ว ซึ่งคนไทยไม่ได้ให้ความสำคัญ
ด้าน นางจิระประภา โกบสมา อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 108/1 ถ.สตูลธานี ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล เจ้าของร้านชำ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการสานต่อ 6 มาตรการ อยากให้ภาครัฐแก้ปัญหาเรื่องอื่นมากกว่า นำเงินส่วนนี้ไปช่วยเรื่องอื่น เพราะประเทศไทยไม่ได้ร่ำรวยอะไร งบประมาณที่ได้มาไปช่วยเหลือชาวบ้านให้มีงานทำดีกว่า และจาก 6 มาตรการที่ผ่านมานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะเงินที่มาเสียค่าน้ำค่าไฟให้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนมีอันจะกินซึ่งใช้น้ำ ไฟไม่มาก เงินที่มาเสียให้เป็นเงินที่เสียเปล่า
วันนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สตูล ว่าจากกรณีภาครัฐมีนโยบายสานต่อ 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชนนั้น นายกงทอง พานิชวิทย์ อายุ 53 ปี นักการเมืองท้องถิ่นสตูล กล่าวว่า เห็นดีกับ 6 มาตรการที่ต้องสานต่อ เพราะเป็นผลดีต่อประชาชนระดับกลางลงไป เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่มีสวัสดิการ เมื่อมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาที่มาจากชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมก็ไม่ต้องสนใจ สนใจที่ว่าภาคประชาชนจะได้อะไรที่เป็นสวัสดิการ อย่าง 6 มาตรการที่มีมาแล้วควรมีต่อไป
ทั้งนี้ มองว่าเป็นการแก้วิกฤตเศรษฐกิจได้ เพราะเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก และจะกระทบถึงประเทศไทย ยิ่งในปี 2552 นี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นการประหยัดค่าน้ำค่าไฟ ค่าพาหนะเดินทางมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ เมื่อมีการกระจายทางด้านการเงินเศรษฐกิจก็ได้กระเตื้องขึ้น ซึ่งเป็นการหมุนเวียนของภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหากนำนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผนวกเข้ามาใช้ ประเทศไทยจะไปรอดโดยไม่ต้องง้อใคร เพียงแต่คนไทยลืมไปว่าในหลวงมีพระราชดำริมา 30 ปีแล้ว ซึ่งคนไทยไม่ได้ให้ความสำคัญ
ด้าน นางจิระประภา โกบสมา อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 108/1 ถ.สตูลธานี ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล เจ้าของร้านชำ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการสานต่อ 6 มาตรการ อยากให้ภาครัฐแก้ปัญหาเรื่องอื่นมากกว่า นำเงินส่วนนี้ไปช่วยเรื่องอื่น เพราะประเทศไทยไม่ได้ร่ำรวยอะไร งบประมาณที่ได้มาไปช่วยเหลือชาวบ้านให้มีงานทำดีกว่า และจาก 6 มาตรการที่ผ่านมานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะเงินที่มาเสียค่าน้ำค่าไฟให้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนมีอันจะกินซึ่งใช้น้ำ ไฟไม่มาก เงินที่มาเสียให้เป็นเงินที่เสียเปล่า