ตรัง - เจ้าอาวาสวัดในเตา จังหวัดตรัง ไม่เชื่อ “ไข่หมูก” เรียกค่าคุ้มครองชาวสวนปาล์มสวนยางในจังหวัดตรัง เหตุไข่หมูกเคยให้สัจจะจะไม่กลับไปเป็นโจรอีก
จากกรณีที่ได้มีกลุ่มโจรเรียกค่าคุ้มครองชาวสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน เป็นเงินรายละ 1-2 ล้านบาท ออกอาละวาดในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช รวมทั้งในพื้นที่อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ซึ่งมีผู้เสียหาย 2 ราย ทั้งนี้ ในท้ายของจดหมายเรียกค่าคุ้มครองดังกล่าวจะลงชื่อว่า นายเจิม เซ่งเอียด หรือ จอมโจรไข่หมูก กระทั่งล่าสุด นายณัฐภูมิ ภูมิพันธ์ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของจอมโจรไข่หมูก ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จับกุมตัว และมีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงจอมโจรไข่หมูก ซึ่งกำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2551 พระอาจารย์ประสูติ ปิยธมฺโม เจ้าอาวาสถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือวัดในเตา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้ที่จอมโจรไข่หมูก ให้ความเลื่อมใสศรัทธา จนกระทั่งหลังจากพ้นโทษออกมา เมื่อประมาณปี 2550 ก็ได้ตัดสินใจไปฝากตัวเพื่อขอบวช โดยมีฉายาว่า พระจันทธรรมโม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกลุ่มโจรเรียกค่าคุ้มครองเขียนจดหมายไปทิ้งไว้ ทั้งตามสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน โดยลงท้ายชื่อว่า ไข่หมูกนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาที่วัดในเตา เพื่อสอบถามข้อมูลกับตนเองเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ยืนยันกลับไปว่า รู้จักไข่หมูกเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ โดยเฉพาะช่วงที่มาเป็นศิษย์ของตนเองนั้น ไข่หมูกเคยให้สัจจะก่อนที่จะบวชเป็นพระที่วัดในเตา ว่า จะไม่กลับไปเป็นโจรอีก ซึ่งคนอย่างไข่หมูก ถือเป็นขุนโจรในยุคก่อน ที่ยึดถือสัจจะเป็นมั่น ฉะนั้น ตนเองจึงเชื่อว่าหลังจากลาสิกขา หรือสึกไปแล้ว ไข่หมูก ไม่มีวันเสียสัจจะกับตนเองอย่างเด็ดขาด
ส่วนจดหมายเรียกค่าคุ้มครองที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บได้นั้น ก็มีข้อผิดสังเกต เพราะชื่อที่ลงนั้นระบุว่า จากไอ้ไข่หมูก ซึ่งธรรมชาติของคน จะไม่มีใครที่ไม่เคารพตัวเองและเรียกตัวเองว่า ไอ้ อีกทั้งในจดหมายเรียกค่าคุ้มครองของไข่หมูกที่ถูกต้องนั้น จะลงชื่อว่า นายเจิม เส้งเอียด แล้วตามด้วยวงเล็บว่า (ไข่หมูก) เท่านั้น
พระอาจารย์ประสูติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันไข่หมูกอาศัยอยู่กับภรรยา และใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ที่บ้านหลังหนึ่งในฝั่งจังหวัดพัทลุง หรืออยู่ข้ามเทือกเขาบรรทัดไปนิดเดียว และอยุ่ห่างจากวัดในเตาไปประมาณ 7-8 กิโลเมตรเท่านั้น โดยช่วงเวลาที่ตนเองไปบิณฑบาตร ไข่หมูกก็ยังใส่บาตรตามปกติ
ส่วนจดหมายเรียกค่าคุ้มครองนั้น น่าจะเป็นฝีมือของลูกน้องเก่าๆ บางคน เพราะในอดีตไข่หมูกมีลูกน้องอยู่เป็นจำนวนมากมาย อีกทั้งช่วงที่เขาประกาศวางมือ และตัดสินใจมาบวชอยู่ที่วัดในเตา เชื่อว่าคงทำให้ลูกน้องอยู่กันอย่างยากลำบาก ดังนั้น หลังจากไข่หมูกสึกออกมา จึงได้มีลูกน้องบางคนออกอาละวาด และอ้างชื่อจอมโจรชื่อดังก่อเหตุ
นอกจากนั้น ยังมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับชีวิต และครอบครัวของไข่หมูก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ตนเองยืนยันได้ว่า ไข่หมูกวางมือจากการเป็นโจรแล้วจริงๆ คือ เมื่อประมาณปี 2548-2549 ซึ่งเป็นช่วงที่ไข่หมูกถูกจับติดคุกนั้น น้องสาวของไข่หมูกได้ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกันทั้ง 2 คน ญาติๆ จึงเขียนจดหมายไปหาไข่หมูกในคุก และขอร้องให้เขาออกมาล้างแค้น แต่ไข่หมูกได้เขียนจดหมายตอบกลับไปว่า เขาขอวางมือแล้ว พร้อมกับขอร้องให้ลูกน้อง และญาติๆ หยุดอาฆาตพยาบาท หรือหยุดล้างแค้น แม้กระทั่งเมื่อออกมาจากคุกแล้ว ไข่หมูกก็ยังยึดมั่นใจสัจจะดังกล่าว
เจ้าอาวาสถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือ วัดในเตา กล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุกลุ่มโจรออกอาละวาดเรียกค่าคุ้มครองในหลายจังหวัดของภาคใต้ แต่ตนก็ไม่เคยคิดที่จะให้ไข่หมูกเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เนื่องจากเชื่อว่าเขาจะต้องถูกแจ้งข้อหาโดยไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเองไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุตัวจริงได้ อย่างไรก็ตาม ตนเองพร้อมที่จะนำตัวไข่หมูกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที หากในวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มโจรตัวจริงได้
จากกรณีที่ได้มีกลุ่มโจรเรียกค่าคุ้มครองชาวสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน เป็นเงินรายละ 1-2 ล้านบาท ออกอาละวาดในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช รวมทั้งในพื้นที่อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ซึ่งมีผู้เสียหาย 2 ราย ทั้งนี้ ในท้ายของจดหมายเรียกค่าคุ้มครองดังกล่าวจะลงชื่อว่า นายเจิม เซ่งเอียด หรือ จอมโจรไข่หมูก กระทั่งล่าสุด นายณัฐภูมิ ภูมิพันธ์ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของจอมโจรไข่หมูก ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จับกุมตัว และมีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงจอมโจรไข่หมูก ซึ่งกำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2551 พระอาจารย์ประสูติ ปิยธมฺโม เจ้าอาวาสถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือวัดในเตา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้ที่จอมโจรไข่หมูก ให้ความเลื่อมใสศรัทธา จนกระทั่งหลังจากพ้นโทษออกมา เมื่อประมาณปี 2550 ก็ได้ตัดสินใจไปฝากตัวเพื่อขอบวช โดยมีฉายาว่า พระจันทธรรมโม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกลุ่มโจรเรียกค่าคุ้มครองเขียนจดหมายไปทิ้งไว้ ทั้งตามสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน โดยลงท้ายชื่อว่า ไข่หมูกนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาที่วัดในเตา เพื่อสอบถามข้อมูลกับตนเองเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ยืนยันกลับไปว่า รู้จักไข่หมูกเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ โดยเฉพาะช่วงที่มาเป็นศิษย์ของตนเองนั้น ไข่หมูกเคยให้สัจจะก่อนที่จะบวชเป็นพระที่วัดในเตา ว่า จะไม่กลับไปเป็นโจรอีก ซึ่งคนอย่างไข่หมูก ถือเป็นขุนโจรในยุคก่อน ที่ยึดถือสัจจะเป็นมั่น ฉะนั้น ตนเองจึงเชื่อว่าหลังจากลาสิกขา หรือสึกไปแล้ว ไข่หมูก ไม่มีวันเสียสัจจะกับตนเองอย่างเด็ดขาด
ส่วนจดหมายเรียกค่าคุ้มครองที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บได้นั้น ก็มีข้อผิดสังเกต เพราะชื่อที่ลงนั้นระบุว่า จากไอ้ไข่หมูก ซึ่งธรรมชาติของคน จะไม่มีใครที่ไม่เคารพตัวเองและเรียกตัวเองว่า ไอ้ อีกทั้งในจดหมายเรียกค่าคุ้มครองของไข่หมูกที่ถูกต้องนั้น จะลงชื่อว่า นายเจิม เส้งเอียด แล้วตามด้วยวงเล็บว่า (ไข่หมูก) เท่านั้น
พระอาจารย์ประสูติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันไข่หมูกอาศัยอยู่กับภรรยา และใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ที่บ้านหลังหนึ่งในฝั่งจังหวัดพัทลุง หรืออยู่ข้ามเทือกเขาบรรทัดไปนิดเดียว และอยุ่ห่างจากวัดในเตาไปประมาณ 7-8 กิโลเมตรเท่านั้น โดยช่วงเวลาที่ตนเองไปบิณฑบาตร ไข่หมูกก็ยังใส่บาตรตามปกติ
ส่วนจดหมายเรียกค่าคุ้มครองนั้น น่าจะเป็นฝีมือของลูกน้องเก่าๆ บางคน เพราะในอดีตไข่หมูกมีลูกน้องอยู่เป็นจำนวนมากมาย อีกทั้งช่วงที่เขาประกาศวางมือ และตัดสินใจมาบวชอยู่ที่วัดในเตา เชื่อว่าคงทำให้ลูกน้องอยู่กันอย่างยากลำบาก ดังนั้น หลังจากไข่หมูกสึกออกมา จึงได้มีลูกน้องบางคนออกอาละวาด และอ้างชื่อจอมโจรชื่อดังก่อเหตุ
นอกจากนั้น ยังมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับชีวิต และครอบครัวของไข่หมูก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ตนเองยืนยันได้ว่า ไข่หมูกวางมือจากการเป็นโจรแล้วจริงๆ คือ เมื่อประมาณปี 2548-2549 ซึ่งเป็นช่วงที่ไข่หมูกถูกจับติดคุกนั้น น้องสาวของไข่หมูกได้ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกันทั้ง 2 คน ญาติๆ จึงเขียนจดหมายไปหาไข่หมูกในคุก และขอร้องให้เขาออกมาล้างแค้น แต่ไข่หมูกได้เขียนจดหมายตอบกลับไปว่า เขาขอวางมือแล้ว พร้อมกับขอร้องให้ลูกน้อง และญาติๆ หยุดอาฆาตพยาบาท หรือหยุดล้างแค้น แม้กระทั่งเมื่อออกมาจากคุกแล้ว ไข่หมูกก็ยังยึดมั่นใจสัจจะดังกล่าว
เจ้าอาวาสถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือ วัดในเตา กล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุกลุ่มโจรออกอาละวาดเรียกค่าคุ้มครองในหลายจังหวัดของภาคใต้ แต่ตนก็ไม่เคยคิดที่จะให้ไข่หมูกเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เนื่องจากเชื่อว่าเขาจะต้องถูกแจ้งข้อหาโดยไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเองไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุตัวจริงได้ อย่างไรก็ตาม ตนเองพร้อมที่จะนำตัวไข่หมูกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที หากในวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มโจรตัวจริงได้