ผบ.ตร.พร้อมผู้บัญชาการตำรวจนครบาลรายงานสถานการณ์ให้นายกฯ หลังเจรจา “แก๊งเสื้อแดง” เหลว ไม่ยอมเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาเข้าสภาได้ แต่เชื่อไม่รุนแรง ขณะที่ ส.ส.เพื่อไทยยอมรับหน้าตาเฉย เกณฑ์ชาวบ้านมาเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.10 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น.ได้เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้ารายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่ปิดล้อมหน้ารัฐสภา
ภายหลังการหารือนานประมาณ 30 นาที พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เชิญตนมาให้ข้อมูล คงไม่มีอะไร ซึ่งรัฐบาลจะสามารถเข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้หรือไม่นั้นอยู่ที่การตัดสินใจของประธานรัฐสภา ตนเพียงมาให้ข้อมูลในฐานะที่ดูแลความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่ากลุ่มนปช.คงไม่ใช้ความรุนแรง คงไม่มีปัญหาอะไร และเหตุการณ์คงไม่รุนแรง แต่เมื่อเช้าได้ส่งคนเข้าไปพูดคุยเรียบร้อยแล้ว ส่วนผลการเจรจานั้นขอให้รออีกนิดหนึ่ง
เมื่อถามว่า ในฐานะที่ดูแลความเรียบร้อย คิดว่าจะปลอดภัยหรือไม่ถ้า ส.ส.จะเข้าไปประชุมในรัฐสภาวันนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้นปช.ก็ไม่มีความรุนแรงอยู่แล้ว แต่วิธีเข้าไปประชุมจะกำหนดให้เดินเข้า แล้วทางรัฐสภาจะเห็นควรอย่างไรก็ต้องไปคุยกันอีกครั้ง เมื่อถามต่อว่าถ้าให้เดินเข้าไปในรัฐสภา จะมั่นใจได้อย่างไรว่าตำรวจจะดูแลความปลอดภัยให้แก่ ส.ส. พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ทางรัฐสภายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ตนก็รอรับคำสั่งอยู่ และถ้ารัฐสภาตัดสินใจที่ให้ส.ส.เดินเข้าไป ตำรวจก็ต้องเตรียมการที่จะให้ความปลอดภัย
ต่อข้อถามที่ว่า จากการหารือได้มีการเสนอหรือไม่ว่าในภาวะแบบนี้ควรตัดสินใจอย่างไร พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ไม่มี ตนก็ให้ข้อมูลทุกอย่างไปแล้วให้ท่านตัดสินใจเอาเอง ทั้งนี้ ในส่วนของการเจรจา ตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจร่วมกันได้
เมื่อถามว่าถ้าการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ผล จะทำอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาก็เลื่อนเวลาออกไปจนถึงเวลาที่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า กลุ่ม นปช.ที่ชุมนุมคัดค้านการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ชุนนุมกันอยู่หน้าบริเวณรัฐสภานั้น ได้นิมนต์พระสงฆ์จากทั่วประเทศมารับบิณฑบาตรจากผู้มาร่วมชุมนุม ในขณะที่บนเวทีแกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลอยู่เป็นระยะๆ โดย ส.ส.ที่เดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงเช้านั้น เช่น พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติกร ภาคเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี อดีตพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี สมาชิกพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พ.ต.ท.สมชาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างที่เดินเข้ามาภายในรัฐสภาว่า ตนเดินทางมาก่อน เพราะมาดูลาดเลาให้กับเพื่อน ส.ส. ตอนนี้รัฐบาลกรรมตามสนอง เจอม็อบล้อมสภากับพวกตัวเองดูบ้าง ขณะที่นายเกียรติกรนั้น ระหว่างที่เดินเข้ามาภายในรัฐสภา ได้ชูมือให้กับผู้ร่วมชุมนุมอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากบัตรประจำตัว ส.ส.ของนายเกียรติกรยังระบุว่าเป็น ส.ส.ของอดีตพรรคมัชฌิมาฯ แม้ว่าขณะนี้จะย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่รู้จึงต่างโห่ร้องให้ตลอดทางที่นายเกียรติกรชูมือเดินเข้ามาในสภา
ส่วน พ.ต.ท.สุรทินนั้น สวมชุดสีแดงทั้งชุด ยกเว้นรองเท้าที่เป็นสีขาว เดินทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณหน้าสภามาตลอดทางจนกระทั่งเข้ามาถึงภายในรัฐสภา
ด้าน พ.ต.ท.สุรทิน กล่าวว่า วันนี้ตนมาในชุดสีแดงทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่กางเกงใน เพื่อคัดค้านหากทหารใช้ 2 มาตรฐาน และถ้าหากทหารยังคงใช้ 2 มาตรฐานต่อไปตนก็จะลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อไปเป็นโจร วันนี้ตนพาชาวบ้านมาเยอะแต่ไม่ขอบอกว่าจำนวนเท่าไหร่เนื่องจากผู้ใหญ่ขออาไว้ และจะทำให้นายชัย ชิดชอบ วันนี้จากตาเหล่กลับเป็นตาตรง เนื่องจากคนอีสานโดยเฉพาะคนอุดรธานีไม่ยอมรับคนตาเหล่และปากห้อย นอกจากนี้ตนจะสนับสนุนให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานรัฐสภาแทนนายชัยอีกด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า เชื่อว่าวันนี้น่าจะมีการเลื่อนการแถลงนโยบายออกไป เพราะส.ส.คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเข้ามา และหากเลื่อนออกไปก็น่าจะเป็นวันที่ 5-6 ม.ค.2552 อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้ทางออกของประเทศคิดว่า ควรจะหาผู้ใหญ่ที่ทุกคนให้ความเคารพนับถือมานั่งเจรจากันว่า จะมีทางออกอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์คัดค้านอย่างนี้ตลอด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมากลุ่มเสื้อแดงก็คัดค้าน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยขึ้นมากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็คัดค้าน ดังนั้นผู้ใหญ่ควรเป็นประธานในการเจรจากัน และให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีลาออก จากนั้นให้คนของพรรคเล็กในพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นนายกฯ และหารือกันว่าจะบริหารงานกี่เดือนก่อนที่จะยุบสภา
ดังนั้น อยู่ที่ว่านายอภิสิทธิ์จะยอมหรือไม่ หากนายอภิสิทธิ์ยังหลงใหลมัวเมาในอำนาจก็คงไม่มีทางออกของประเทศแน่ จวก ทหารตัวปัญหาของประเทศ
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวด้วยว่า ส่วนทหารนั้นก็ถือว่าเป็นตัวปัญหาของประเทศเช่นกัน ดังนั้น ต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวหรือให้ท้ายฝ่ายใด ต้องอยู่ในที่ตั้ง เพราะทหารเป็นตัวแปรสำคัญที่คุมกำลังอยู่ เชื่อว่าหากสถานการณ์วุ่นวายทหารก็อาจจะทำการปฏิวัติก็ได้
สำหรับการรักษาความปลอดภัยภายในรัฐสภา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตชด.และหน่วยปราบจลาจลจำนวน 8 กองร้อย อยู่ภายในรัฐสภา ซึ่งตั้งแถวอยู่ที่ประตูทางเข้าออกด้านราชวิถีและด้านอู่ทองในด้านละประมาณ 20 คน พร้อมด้วยโล่ กระบอง และหมวก ส่วนจำนวนที่เหลือพักผ่อนบริเวณภายในรัฐสภา ส่วนภายนอกรัฐสภามี 11 กองร้อย โดยทั้งหมดมี พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนชัย รอง ผบก.อก.บชน. เป็นผู้ควบคุม