กระบี่ -สมาคมท่องเที่ยวกระบี่ ฉะแหลกสถาบันวิจัยและพัฒนาฯ ให้ข่าวแมงกะพรุนเกินความจริง ทำท่องเที่ยวเสียหายยับ นักท่องเที่ยวผวาไม่กล้าลงทะเล
นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ได้เปิดเผยถึงกรณี ที่ นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายฉบับ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า
ทช.ได้ทำหนังสือด่วน เพื่อเตือนเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ และผู้ว่าราชการ จ.กระบี่ ว่า ขณะนี้มีแมงกะพรุนกล่อง หรือ Box Jellyfish ที่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวที่ลงไปดำน้ำเล่น ได้ระบาดเข้าไปในเกาะพีพีแล้ว ล่าสุดพบว่ามีนักท่องเที่ยวโดนพิษต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลกระบี่และสถานีอนามัยเกาะพีพี จำนวนมาก
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ทช.ยังได้ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า เนื่องจากแมงกะพรุนกล่องถือเป็นสัตว์ทะเลที่มีพิษอันตรายมาก พิษจะเข้าไปโจมตีหัวใจ ระบบประสาท และเซลล์ผิวหนัง ทำให้หัวใจล้มเหลว และสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะมีเข็มพิษกว่าล้านเซลล์ตามหนวดที่ยืดออกมาได้ไกล 2-3 เมตร และด้วยลักษณะตัวของมันที่ค่อนข้างใส ทำให้มองเห็นยาก จนกว่าจะถูกประชิดตัวแบบจังๆ
นอกจากนี้ มันยังมีความพิเศษเพราะมันมีดวงตา และเข้าหาอาหารเองได้ จากปกติแมงกะพรุนชนิดอื่นๆ จะลอยไปตามกระแสน้ำ โดยวงจรชีวิตของมันยังเกี่ยวข้องกับพื้นที่น้ำกร่อย ป่าชายเลน จึงสามารถเจอแมงกะพรุนกล่องตั้งแต่ขณะที่ยังเป็นตัวอ่อน 3-4 ซม.และตัวเต็มวัยขนาดเท่าฝ่ามือ
นายอมฤต ได้กล่าวว่า จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นการให้สัมภาษณ์แบบขาดการรับผิดชอบ และให้ข้อมูลที่เกินความเป็นความจริง ซึ่งตนไม่ปฏิเสธว่าทะเลของกระบี่ ไม่มีแมงกะพรุน และมีอยู่ทั่วไป แต่จะมีมากเพียง 2 ช่วงเท่านั้น ก็คือช่วงหน้ามรสุม และปลายมรสุม ซึ่งก็มีพิษบ้างไม่มีพิษบ้าง และบางชนิดชาวประมงยังจับมาแปรรูปเป็นอาหาร ซึ่งก็พบเห็นอยู่ทั่วไป
ทั้ง 2 ช่วงนี้ ในส่วนของแมงกะพรุนที่มีพิษนั้น หากว่าคนที่ไม่เกิดอาการแพ้ เมื่อไปสัมผัสก็จะไม่เป็นอันตรายมาก แต่ส่วนคนที่มีอาการแพ้ก็อาจจะทำให้ตายได้หากไม่รีบรักษา แต่ก็เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะไม่อย่างนั้นแล้วชาวประมง ที่หากินกับท้องทะเลมานานก็คงจะตายกันหมดแล้ว
“เจ้าหน้าที่รัฐรู้จักแต่พูด แต่ไม่เคยคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ ซึ่งตนขอถามว่า ณ วันนี้ โรงพยาบาลเกาะพีพี เกาะลันตา บุคลากรอุปกรณ์ทางการแพทย์ และยารักษาโรค มีความพร้อมหรือยังที่จะให้การรักษา เมื่อนักท่องเที่ยวถูกพิษแมงกะพรุน หรือประสบเหตุร้ายแรง ซึ่งตนบอกได้เลยว่าไม่มี เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเมื่อเกิดเหตุก็ต้องวิ่งไปรักษาที่ โรงพยาบาล จ.ภูเก็ต ซึ่งทำให้ใช้เวลาค่อนข้างนาน ถึงเวลาแล้วภาครัฐควรจะหันมาปรับปรุงโรงพยาบาล ทั้ง 2 แห่งนี้ ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเท่าเทียมของจังหวัดอื่น เพราะในแต่ละวันช่วงฤดูการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยววันละนับหมื่นคน การเจ็บป่วยก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่มีแต่ยาแก้ปวดไว้คอยรักษาผู้ป่วยเท่านั้น ซึ่งหากว่ามีสถานพยาบาลที่ดี มีความพร้อมในทุกเรื่องก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย”
นายอมฤต กล่าวอีกว่า รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเวลาให้ข่าวอย่าให้ด้านเดียว แทนที่จะเกิดประโยชน์ กลับเป็นโทษ เพราะข่าวแพร่สะพัดออกไปเร็วมาก ตั้งแต่มีข่าวออกไป นักท่องเที่ยวทั่วโลก โทรมาสอบถามตลอด ผ่านหน่วยงานต่างๆ ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งทาง สมาคม และททท.กระบี่ ก็ได้ชี้แจงผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ว่าจังหวัดกระบี่ยังสมารถมาเที่ยวได้และปลอดภัยจากแมงกะพรุน
ทั้งนี้ หน่วยงานที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ควรที่จะมีข้อมูลให้มากกว่านี้ เช่น มีรูปโชว์ให้เห็นด้วย เพราะทางกระบี่ หรือผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะได้บอกให้นักท่องเที่ยวระวัง ว่า ถ้าเห็นแมงกะพรุนลักษณะแบบนี้อย่าเข้าใกล้ แต่เท่าที่ดูข้อมูลเป็นเพียงการบอกลักษณะ ซึ่งใครก็ทำได้ และต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีข่าวแมงกะพรุนดังกล่าวออกไป จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะยาวอย่างแน่นอน เพราะเท่าที่ทราบมีนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้วบางคนไม่กล้าลงเล่นน้ำ
“จังหวัดกระบี่ จุดขาย ก็คือ ทะเล เมื่อมีข่าวลักษณะนี้ออกไป นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเล แล้วจะขายอะไร ต่อไป ภาครัฐอย่ารู้จักแต่พูดต้องหาวิธีการแก้ไขที่เร่งด่วนด้วยเพราะผลจากการให้ข่าวกระทบด้านการท่องเที่ยวเกิดขึ้นแล้ว และควรจะเร่งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวกับข่าวที่ออกไปด้วย ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะจะได้หาทางป้องกันได้หากว่าแมงกะพรุนชนิดดังกล่าวมีจริง ตนเป็นคนกระบี่มาตั้งแต่เกิดแต่ก็ไม่เคยเห็นแมงกะพรุนชนิดดังกล่าว จากที่ให้ข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ารับการรักษาจากถูกพิษแมงกะพรุน ทั้งโรงพยาบาลกระบี่และพีพี เป็นจำนวนมากนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะตนทำธุรกิจท่องเที่ยวและอยู่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวยังไม่ทราบข่าว จะมีก็เป็นส่วนน้อยมาก”
นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ได้เปิดเผยถึงกรณี ที่ นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายฉบับ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า
ทช.ได้ทำหนังสือด่วน เพื่อเตือนเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ และผู้ว่าราชการ จ.กระบี่ ว่า ขณะนี้มีแมงกะพรุนกล่อง หรือ Box Jellyfish ที่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวที่ลงไปดำน้ำเล่น ได้ระบาดเข้าไปในเกาะพีพีแล้ว ล่าสุดพบว่ามีนักท่องเที่ยวโดนพิษต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลกระบี่และสถานีอนามัยเกาะพีพี จำนวนมาก
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ทช.ยังได้ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า เนื่องจากแมงกะพรุนกล่องถือเป็นสัตว์ทะเลที่มีพิษอันตรายมาก พิษจะเข้าไปโจมตีหัวใจ ระบบประสาท และเซลล์ผิวหนัง ทำให้หัวใจล้มเหลว และสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะมีเข็มพิษกว่าล้านเซลล์ตามหนวดที่ยืดออกมาได้ไกล 2-3 เมตร และด้วยลักษณะตัวของมันที่ค่อนข้างใส ทำให้มองเห็นยาก จนกว่าจะถูกประชิดตัวแบบจังๆ
นอกจากนี้ มันยังมีความพิเศษเพราะมันมีดวงตา และเข้าหาอาหารเองได้ จากปกติแมงกะพรุนชนิดอื่นๆ จะลอยไปตามกระแสน้ำ โดยวงจรชีวิตของมันยังเกี่ยวข้องกับพื้นที่น้ำกร่อย ป่าชายเลน จึงสามารถเจอแมงกะพรุนกล่องตั้งแต่ขณะที่ยังเป็นตัวอ่อน 3-4 ซม.และตัวเต็มวัยขนาดเท่าฝ่ามือ
นายอมฤต ได้กล่าวว่า จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นการให้สัมภาษณ์แบบขาดการรับผิดชอบ และให้ข้อมูลที่เกินความเป็นความจริง ซึ่งตนไม่ปฏิเสธว่าทะเลของกระบี่ ไม่มีแมงกะพรุน และมีอยู่ทั่วไป แต่จะมีมากเพียง 2 ช่วงเท่านั้น ก็คือช่วงหน้ามรสุม และปลายมรสุม ซึ่งก็มีพิษบ้างไม่มีพิษบ้าง และบางชนิดชาวประมงยังจับมาแปรรูปเป็นอาหาร ซึ่งก็พบเห็นอยู่ทั่วไป
ทั้ง 2 ช่วงนี้ ในส่วนของแมงกะพรุนที่มีพิษนั้น หากว่าคนที่ไม่เกิดอาการแพ้ เมื่อไปสัมผัสก็จะไม่เป็นอันตรายมาก แต่ส่วนคนที่มีอาการแพ้ก็อาจจะทำให้ตายได้หากไม่รีบรักษา แต่ก็เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะไม่อย่างนั้นแล้วชาวประมง ที่หากินกับท้องทะเลมานานก็คงจะตายกันหมดแล้ว
“เจ้าหน้าที่รัฐรู้จักแต่พูด แต่ไม่เคยคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ ซึ่งตนขอถามว่า ณ วันนี้ โรงพยาบาลเกาะพีพี เกาะลันตา บุคลากรอุปกรณ์ทางการแพทย์ และยารักษาโรค มีความพร้อมหรือยังที่จะให้การรักษา เมื่อนักท่องเที่ยวถูกพิษแมงกะพรุน หรือประสบเหตุร้ายแรง ซึ่งตนบอกได้เลยว่าไม่มี เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเมื่อเกิดเหตุก็ต้องวิ่งไปรักษาที่ โรงพยาบาล จ.ภูเก็ต ซึ่งทำให้ใช้เวลาค่อนข้างนาน ถึงเวลาแล้วภาครัฐควรจะหันมาปรับปรุงโรงพยาบาล ทั้ง 2 แห่งนี้ ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเท่าเทียมของจังหวัดอื่น เพราะในแต่ละวันช่วงฤดูการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยววันละนับหมื่นคน การเจ็บป่วยก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่มีแต่ยาแก้ปวดไว้คอยรักษาผู้ป่วยเท่านั้น ซึ่งหากว่ามีสถานพยาบาลที่ดี มีความพร้อมในทุกเรื่องก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย”
นายอมฤต กล่าวอีกว่า รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเวลาให้ข่าวอย่าให้ด้านเดียว แทนที่จะเกิดประโยชน์ กลับเป็นโทษ เพราะข่าวแพร่สะพัดออกไปเร็วมาก ตั้งแต่มีข่าวออกไป นักท่องเที่ยวทั่วโลก โทรมาสอบถามตลอด ผ่านหน่วยงานต่างๆ ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งทาง สมาคม และททท.กระบี่ ก็ได้ชี้แจงผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ว่าจังหวัดกระบี่ยังสมารถมาเที่ยวได้และปลอดภัยจากแมงกะพรุน
ทั้งนี้ หน่วยงานที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ควรที่จะมีข้อมูลให้มากกว่านี้ เช่น มีรูปโชว์ให้เห็นด้วย เพราะทางกระบี่ หรือผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะได้บอกให้นักท่องเที่ยวระวัง ว่า ถ้าเห็นแมงกะพรุนลักษณะแบบนี้อย่าเข้าใกล้ แต่เท่าที่ดูข้อมูลเป็นเพียงการบอกลักษณะ ซึ่งใครก็ทำได้ และต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีข่าวแมงกะพรุนดังกล่าวออกไป จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะยาวอย่างแน่นอน เพราะเท่าที่ทราบมีนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้วบางคนไม่กล้าลงเล่นน้ำ
“จังหวัดกระบี่ จุดขาย ก็คือ ทะเล เมื่อมีข่าวลักษณะนี้ออกไป นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเล แล้วจะขายอะไร ต่อไป ภาครัฐอย่ารู้จักแต่พูดต้องหาวิธีการแก้ไขที่เร่งด่วนด้วยเพราะผลจากการให้ข่าวกระทบด้านการท่องเที่ยวเกิดขึ้นแล้ว และควรจะเร่งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวกับข่าวที่ออกไปด้วย ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะจะได้หาทางป้องกันได้หากว่าแมงกะพรุนชนิดดังกล่าวมีจริง ตนเป็นคนกระบี่มาตั้งแต่เกิดแต่ก็ไม่เคยเห็นแมงกะพรุนชนิดดังกล่าว จากที่ให้ข่าวว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ารับการรักษาจากถูกพิษแมงกะพรุน ทั้งโรงพยาบาลกระบี่และพีพี เป็นจำนวนมากนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะตนทำธุรกิจท่องเที่ยวและอยู่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวยังไม่ทราบข่าว จะมีก็เป็นส่วนน้อยมาก”