สตูล - นายก อบจ.สตูล เปิดแถลงข่าว “ทิศทางและโอการการลงทุนการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล” รัฐรังแกประชาชนระดมองค์กรใหญ่ในท้องถิ่น ต้านการระงับการรื้อถอนรีสอร์ตบนเกาะอาดัง หลังบริษัท อาดัง รีสอร์ท จำกัด ได้รับสัมปทานและมีการก่อสร้างอาคารรีสอร์ตบนเกาะอาดังจนใกล้แล้วเสร็จไป 80%
วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.สตูล องค์กรใหญ่ในท้องถิ่น จ.สตูล รวมตัวกัน กว่า 100 คน ที่โรงแรมพินนาเคิลวังใหม่ เปิดเวทีเสวนา “ทิศทางและโอการการลงทุนการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล” โดยนายธานินทร์ ใจสมุทร นายก อบจ.สตูล เปิดประเด็นหยิบยกปัญหาการก่อสร้างรีสอร์ท บนเกาะอาดัง หลังบริษัท อาดัง รีสอร์ท จำกัด ได้รับสัมปทานและมีการก่อสร้างอาคารรีสอร์ทบนเกาะอาดังจนใกล้แล้วเสร็จไป 80% แล้วนั้นจนเกิดข้อพิพาทระหว่างกรมธนารักษ์ และกรมอุทยานฯถึงการทับซ้อนของพื้นที่และมีการให้คณะกรรมการกฤษฎีตีความออกมาว่า ทางกรมอุทยานฯมีอำนาจในการสั่งรื้อถอนได้นั้น
ในภาคเอกชนซึ่งมีทั้งหอการค้าจังหวัดสตูล สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรม และองค์การบริหารส่วนจังหวัดร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกี่ยวข้อง ได้หยิบปัญหานี้ขึ้นมาพูดคุยในที่ประชุมเข้าบรรดาสมาชิกถึงทิศทางการลงทุนการท่องเที่ยวใน จ.สตูล ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเอกชนซึ่งได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ถูกรังแกจากภาครัฐ ทำให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวการลงทุนต้องเสียไป และขาดความน่าเชื่อถือ พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าการที่ทางอุทยานฯยังมาสั่งรื้อถอนการก่อสร้างรีสอร์ท ของบริษัทรับสัมปทานนั้นไม่สมควร ทำให้พี่ใหญ่อย่างอบจ.เปิดแถลงข่าว ถึงการทำงานของรัฐในครั้งนี้
นายธานินทร์ ใจสมุทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กล่าวว่า วันนี้พวกเราประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล สภาอุตสาหกรรม สมาคมการท่องเที่ยวและหอการค้าจังหวัดสตูล และผู้ประกอบการท่องเที่ยวและเอกชนมาร่วมกันปรึกษาหาหรือในกรณีที่อาดัง รีสอร์ท จำกัด มีคำสั่งจากอุทยานที่จะรื้อถอนในวันที่ 14 พ.ย 51 พวกเราทั้งหมดเห็นว่าการกระทำอันนี้ไม่เป็นธรรม และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวละการลงทุนอย่างยิ่งจะรังแกประชาชนที่ไม่มีทางสู้ พวกเราเห็นตรงกันว่าให้อุทยานฯชะลอเรื่องการรื้อถอนไปก่อนและจะได้ประสานงานกับกรมอุทยาน เพื่อที่จะที่ให้รีสอร์ทสร้างต่อไป เพราะสร้างเสร็จไปแล้วและผมจะตัวแทนประสานงานในเรื่องนี้และแทนหอการค้า แทนองค์กรปกครองท้องถิ่น แทนอุตสาหกรรมรม และเป็นตัวแทนที่ได้รับความเดือดร้อนจะเจรจาในระดับจังหวัด
พร้อมกันนี้นายก อบจ.สตูล กล่าวด้วยว่า ในเมื่อการเจรจาระดับจังหวัดไม่ได้ผล ก็เดินทางไปเจรจาระดับประเทศแล้วก็จะเรียนถึงรัฐมนตรีและเรื่องนี้ท่านไม่ใช่ไม่รู้ท่านทราบอยู่เอาเรื่องจริงมาว่ากัน อย่าให้มันยืดเยื้อกันระหว่างกระทรวงการคลัง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพราะประชาชนเดือดร้อนและเรียนอย่างหนึ่งว่าสตูลเป็นเมืองสงบมานานแล้วเราไม่ต้องการไม่ให้เกิดความไม่สงบและการกระทำของราชการและวันนี้พวกเราไม่พอใจจริง เราขอเจรจาอย่างสันติสุขไม่ยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ของคนทั้งประเทศ ผมไม่ได้ขู่แต่ถ้ากระทำจริงๆ พวกเราก็ไม่ยอม
ส่วนบรรยากาศของการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนั้น นายก อบจ.สตูล ยอมรับว่าเหนื่อยว่าพวกเราก็พยายามประชาสัมพันธ์ยอมรับว่าเหนื่อยเพราะเราพยายามทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปในทางที่ดี เมื่อนักท่องเที่ยวสอบถามว่าหากไม่มีรีสอร์ตแล้วพวกเราจะไปพักกันที่ไหนนี่เป็นตัวอย่าง ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอันที่จริงก็ต้องเจรจาและพูดคุยกันก่อนทำให้เห็นว่าอันนี้เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่มาข่มเหงนักลงทุนทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวการลงทุนไม่มีใครกล้ามาแล้ว ยิ่งในประเทศไทยไม่มีใครกล้ามา
ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวเมื่อไรนั้นค่อยว่ากันและเชื่อว่าทางอุทยานฯ และธนารักษ์น่าจะมีการพูดคุยกันให้เร็วกว่านี้ และจะมีการเจรจากันเร็วๆ นี้ และบอกก่อนว่าในวันที่ 14 พ.ย.2551 นี้ห้ามรื้อ
นายก อบจ.สตูล บอกว่า ได้เดินทางไปดูพื้นที่ก่อสร้างรีสอร์ตบนเกาะอาดังแล้วก็ไม่เห็นว่าเขาทำเสียหายอะไร ก็ทำการก่อสร้างบนพื้นที่ของธนารักษ์ที่อนุญาตไม่ได้ถางป่าจนโล่งเตียน
ส่วนการตีความของคณะกฤษฎีกานั้น ทำให้เห็นว่าการตีความอย่างนั้นทำให้ภาคเอกชนเสียหายอย่างไร ไม่ใช่นักกฎหมายดูความข้างเดียวไม่ได้นึกถึงทั้งรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์อย่างนี้มันพังหมด จะไปร้องศาล แจ้งความถูกต้องแล้ว ก็ดำเนินคดีไป ไม่ใช้ไปสั่งรื้อถอนของเขา คือปัญหาที่ออกมาร้องในครั้งนี้ยากรู้ว่าไปสั่งรื้อของเขาทำไม่ คุณมีอำนาจอะไรมารื้อของเขา ถูกไหมมีอำนาจอะไรมารื้อของเขา ส่วนให้อุทธรณ์ก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่ใช่มามีคำสั่งให้รื้อถอนของเขา วันนี้ทางกฎหมายไม่ได้เถียง ใครยากจะฟ้องก็ฟ้องไปชนะก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ใช่ใช้วิธีการแบบนี้ เพราะคดียังไม่สิ้นสุดระหว่างกรมธนารักษ์และกรมอุทยานฯพูดให้เสร็จเสียระดับนโยบาย
งานนี้ไม่สอนเพราะเราเป็นแค่นายกองค์บริหารส่วนจังหวัด งานนี้ใครจะหักหน้ากันหรือไม่ระหว่างกรมธนารักษ์กับอุทยานฯ เราคนสตูลไม่เกี่ยวแต่อย่างสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ที่ตนพูดนั้นได้พูดแทนคนทั้งจังหวัด
นอกจากนี้ นายก อบจ.สตูล ยังแถลงด้วยน้ำเสียงดุเดือดว่า “มนุษย์นั้นแน่นอนย่อมเจรจาได้เมื่อคุณเลือกที่จะมาอาศัยอยู่ในสตูลน่ะ ผมพูดหยาบๆ ถ้าไม่พูดกับผมแล้วคุณจะพูดกับใคร ผมตัวแทนทั้งหมดทั้งจังหวัดสตูล ได้รับการคัดเลือกมาและก็มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชน ก็เมื่อเอกชนผู้รับสัมปทานเขาร้องเรียนมาที่ผม เขาเดือดร้อนว่าเขาจะรื้อ ผมก็ไม่เห็นด้วยหากจะรื้อแต่ถ้าจะดำเนินการตามกฎหมายไปก็ว่าตามกฎหมาย ไม่ใช่ทำตามอำนาจบาตรใหญ่ คือคนสตูลรักสงบไม่รังแกใคร หากใครมารังแกเราก็ไม่ยอม”
วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.สตูล องค์กรใหญ่ในท้องถิ่น จ.สตูล รวมตัวกัน กว่า 100 คน ที่โรงแรมพินนาเคิลวังใหม่ เปิดเวทีเสวนา “ทิศทางและโอการการลงทุนการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล” โดยนายธานินทร์ ใจสมุทร นายก อบจ.สตูล เปิดประเด็นหยิบยกปัญหาการก่อสร้างรีสอร์ท บนเกาะอาดัง หลังบริษัท อาดัง รีสอร์ท จำกัด ได้รับสัมปทานและมีการก่อสร้างอาคารรีสอร์ทบนเกาะอาดังจนใกล้แล้วเสร็จไป 80% แล้วนั้นจนเกิดข้อพิพาทระหว่างกรมธนารักษ์ และกรมอุทยานฯถึงการทับซ้อนของพื้นที่และมีการให้คณะกรรมการกฤษฎีตีความออกมาว่า ทางกรมอุทยานฯมีอำนาจในการสั่งรื้อถอนได้นั้น
ในภาคเอกชนซึ่งมีทั้งหอการค้าจังหวัดสตูล สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรม และองค์การบริหารส่วนจังหวัดร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกี่ยวข้อง ได้หยิบปัญหานี้ขึ้นมาพูดคุยในที่ประชุมเข้าบรรดาสมาชิกถึงทิศทางการลงทุนการท่องเที่ยวใน จ.สตูล ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเอกชนซึ่งได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ถูกรังแกจากภาครัฐ ทำให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวการลงทุนต้องเสียไป และขาดความน่าเชื่อถือ พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าการที่ทางอุทยานฯยังมาสั่งรื้อถอนการก่อสร้างรีสอร์ท ของบริษัทรับสัมปทานนั้นไม่สมควร ทำให้พี่ใหญ่อย่างอบจ.เปิดแถลงข่าว ถึงการทำงานของรัฐในครั้งนี้
นายธานินทร์ ใจสมุทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กล่าวว่า วันนี้พวกเราประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล สภาอุตสาหกรรม สมาคมการท่องเที่ยวและหอการค้าจังหวัดสตูล และผู้ประกอบการท่องเที่ยวและเอกชนมาร่วมกันปรึกษาหาหรือในกรณีที่อาดัง รีสอร์ท จำกัด มีคำสั่งจากอุทยานที่จะรื้อถอนในวันที่ 14 พ.ย 51 พวกเราทั้งหมดเห็นว่าการกระทำอันนี้ไม่เป็นธรรม และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวละการลงทุนอย่างยิ่งจะรังแกประชาชนที่ไม่มีทางสู้ พวกเราเห็นตรงกันว่าให้อุทยานฯชะลอเรื่องการรื้อถอนไปก่อนและจะได้ประสานงานกับกรมอุทยาน เพื่อที่จะที่ให้รีสอร์ทสร้างต่อไป เพราะสร้างเสร็จไปแล้วและผมจะตัวแทนประสานงานในเรื่องนี้และแทนหอการค้า แทนองค์กรปกครองท้องถิ่น แทนอุตสาหกรรมรม และเป็นตัวแทนที่ได้รับความเดือดร้อนจะเจรจาในระดับจังหวัด
พร้อมกันนี้นายก อบจ.สตูล กล่าวด้วยว่า ในเมื่อการเจรจาระดับจังหวัดไม่ได้ผล ก็เดินทางไปเจรจาระดับประเทศแล้วก็จะเรียนถึงรัฐมนตรีและเรื่องนี้ท่านไม่ใช่ไม่รู้ท่านทราบอยู่เอาเรื่องจริงมาว่ากัน อย่าให้มันยืดเยื้อกันระหว่างกระทรวงการคลัง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพราะประชาชนเดือดร้อนและเรียนอย่างหนึ่งว่าสตูลเป็นเมืองสงบมานานแล้วเราไม่ต้องการไม่ให้เกิดความไม่สงบและการกระทำของราชการและวันนี้พวกเราไม่พอใจจริง เราขอเจรจาอย่างสันติสุขไม่ยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ของคนทั้งประเทศ ผมไม่ได้ขู่แต่ถ้ากระทำจริงๆ พวกเราก็ไม่ยอม
ส่วนบรรยากาศของการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนั้น นายก อบจ.สตูล ยอมรับว่าเหนื่อยว่าพวกเราก็พยายามประชาสัมพันธ์ยอมรับว่าเหนื่อยเพราะเราพยายามทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปในทางที่ดี เมื่อนักท่องเที่ยวสอบถามว่าหากไม่มีรีสอร์ตแล้วพวกเราจะไปพักกันที่ไหนนี่เป็นตัวอย่าง ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอันที่จริงก็ต้องเจรจาและพูดคุยกันก่อนทำให้เห็นว่าอันนี้เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่มาข่มเหงนักลงทุนทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวการลงทุนไม่มีใครกล้ามาแล้ว ยิ่งในประเทศไทยไม่มีใครกล้ามา
ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวเมื่อไรนั้นค่อยว่ากันและเชื่อว่าทางอุทยานฯ และธนารักษ์น่าจะมีการพูดคุยกันให้เร็วกว่านี้ และจะมีการเจรจากันเร็วๆ นี้ และบอกก่อนว่าในวันที่ 14 พ.ย.2551 นี้ห้ามรื้อ
นายก อบจ.สตูล บอกว่า ได้เดินทางไปดูพื้นที่ก่อสร้างรีสอร์ตบนเกาะอาดังแล้วก็ไม่เห็นว่าเขาทำเสียหายอะไร ก็ทำการก่อสร้างบนพื้นที่ของธนารักษ์ที่อนุญาตไม่ได้ถางป่าจนโล่งเตียน
ส่วนการตีความของคณะกฤษฎีกานั้น ทำให้เห็นว่าการตีความอย่างนั้นทำให้ภาคเอกชนเสียหายอย่างไร ไม่ใช่นักกฎหมายดูความข้างเดียวไม่ได้นึกถึงทั้งรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์อย่างนี้มันพังหมด จะไปร้องศาล แจ้งความถูกต้องแล้ว ก็ดำเนินคดีไป ไม่ใช้ไปสั่งรื้อถอนของเขา คือปัญหาที่ออกมาร้องในครั้งนี้ยากรู้ว่าไปสั่งรื้อของเขาทำไม่ คุณมีอำนาจอะไรมารื้อของเขา ถูกไหมมีอำนาจอะไรมารื้อของเขา ส่วนให้อุทธรณ์ก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่ใช่มามีคำสั่งให้รื้อถอนของเขา วันนี้ทางกฎหมายไม่ได้เถียง ใครยากจะฟ้องก็ฟ้องไปชนะก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ใช่ใช้วิธีการแบบนี้ เพราะคดียังไม่สิ้นสุดระหว่างกรมธนารักษ์และกรมอุทยานฯพูดให้เสร็จเสียระดับนโยบาย
งานนี้ไม่สอนเพราะเราเป็นแค่นายกองค์บริหารส่วนจังหวัด งานนี้ใครจะหักหน้ากันหรือไม่ระหว่างกรมธนารักษ์กับอุทยานฯ เราคนสตูลไม่เกี่ยวแต่อย่างสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ที่ตนพูดนั้นได้พูดแทนคนทั้งจังหวัด
นอกจากนี้ นายก อบจ.สตูล ยังแถลงด้วยน้ำเสียงดุเดือดว่า “มนุษย์นั้นแน่นอนย่อมเจรจาได้เมื่อคุณเลือกที่จะมาอาศัยอยู่ในสตูลน่ะ ผมพูดหยาบๆ ถ้าไม่พูดกับผมแล้วคุณจะพูดกับใคร ผมตัวแทนทั้งหมดทั้งจังหวัดสตูล ได้รับการคัดเลือกมาและก็มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชน ก็เมื่อเอกชนผู้รับสัมปทานเขาร้องเรียนมาที่ผม เขาเดือดร้อนว่าเขาจะรื้อ ผมก็ไม่เห็นด้วยหากจะรื้อแต่ถ้าจะดำเนินการตามกฎหมายไปก็ว่าตามกฎหมาย ไม่ใช่ทำตามอำนาจบาตรใหญ่ คือคนสตูลรักสงบไม่รังแกใคร หากใครมารังแกเราก็ไม่ยอม”