นครศรีธรรมราช – ผู้ใช้บัตรเครดิตเหยื่อภัยสังคม ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารกสิกร เจอดีเองถูกอดีตเจ้าหน้าที่ขายบัตรเครดิตฉกหลักฐานแจ้งข้อมูลทำบัตรใหม่ ตำรวจดมกลิ่นล่ารวบอึ้งเจอบัตรเหยื่อเพียบ ตระเวนกดเงินลงทุนสร้างร้านเฟอร์นิเจอร์ แนะเจ้าของบัตรสมัครผ่านตัวแทนเร่งตรวจสอบข้อมูลเป็นหนี้ไม่รู้ตัว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 ต.ค.) พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม พ.ต.อ.อรรถผล เปล่งวิทยา รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช และชุดสืบสวน บก.ภ.นครศรีธรรมราช แถลงผลการจับกุม นายเอก พรหมจันทร์ อายุ 21 ปี อยู่ 11/2 ม.1 ต.บ้านนากิ่ง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง พร้อมด้วยของกลางบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ มาสเตอร์การ์ด และ วีซ่า ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารกรุงเทพ รวม 8 ใบ ซองบรรจุบัตรเครดิต ใบแจ้งให้ไปรับไปษณีย์อีเอ็มเอส ซองใส่บัตรเครดิต และซองใส่รหัสบัตรเครดิต จำนวนมาก และได้มีการแจ้งข้อหา นายเอก หลายข้อหา ทั้งการลักทรัพย์ ปลอมเอกสารสิทธิ์ ใช้บัตรอิเล็กทรอนิคของผู้อื่น เป็นต้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายธนิต คิดเหมาะ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยสาขา ตลาดหัวอิฐ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สุพจน์ เรืองโรจน์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่า บัตรเครดิตของ นายธนิต ถูกอายัด และเมื่อมีการติดตามข้อมูลผ่านทางระบบธนาคาร พบว่า บัตรนั้นได้ถูกแจ้งหาย และขอทำบัตรใหม่ไปแล้ว ทั้งยังมีการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่โดยไม่ได้เกิดจากตนเองเป็นผู้แจ้ง
การกระทำนั้น น่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ และเมื่อติดตามไปยังบ้านเลขที่ตามที่ได้มีการแจ้งไว้พบว่ามีเอกสารที่ทางธนาคารส่งมาไว้ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ
ต่อมา พ.ต.ท.โชคดี ศรีเมือง สว.กลุ่มงานสืบสวน บก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าติดตามข้อมูลโดยเข้าไปประสานกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ และได้สืบสวนอย่างต่อเนื่องจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด หลังจากคุมตัวมาสอบสวน นายเอก สารภาพว่า เดิมนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ขายบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง (ซิตี้แบงก์) และได้ถูกไล่ออกในภายหลังจากการทำควาผิดเกี่ยวกับปลอมแปลงเอกสาร
“ในการเดินสายหาลูกค้าตามบริษัทห้างร้าน สถานที่ราชการต่างๆ เมื่อลูกค้าได้สมัครแล้วจะได้ข้อมูลของลูกค้า และเมื่อได้มาแล้วจะส่งให้ธนาคาร 1 ชุด เพื่อเข้าสู่การทำบัตรเครดิต และจะถ่ายสำเนาไว้อีก 1 ชุดเก็บไว้ และเมื่อผ่านไป 3 วันธนาคารจะแจ้งทางอีเมล์ว่าคนใดได้รับการอนุมัติบ้าง จากนั้นรออีก 2-3 เดือน จะโทร.ตรวจเช็กการเคลื่อนไหวของบัญชีผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ ซึ่งตรงนี้ถ้ามีลูกค้ามีความเคลื่อนไหวบัญชีตลอดจะไม่ใช้ แต่ถ้าลูกค้าคนไหนไม่มีการเคลื่อนไหว จะทำทีโทร.ผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ของธนาคารเช็ก จนมั่นใจว่า ไม่มีการเคลื่อนไหว จึงอ้างชื่อเป็นลูกค้าแจ้งบัตรหายแล้วขอบัตรใหม่ เปลี่ยนแปลงที่อยู่ใหม่โดยใช้ชื่อเดิมแต่เปลี่ยนที่อยู่ โดยให้ข้อมูลอย่างถูกต้องตามหลักฐานที่เก็บไว้ และให้ธนาคารส่งบัตรไปตามที่อยู่ใหม่ตามที่แจ้ง” นายเอก สารภาพ
พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนั้น ยังพบว่าบ้านที่นายเอกอ้างนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีคนอยู่ ส่วนธนาคารจะแจ้งว่าให้รับบัตรภายใน 5 วันนายเอกจะไปวนเวียนจนไปรษณีย์ มาส่งและได้เหน็บเอกสารให้ไปรับที่ไปรษณีย์อีเอ็มเอสในที่ทำการ นายเอกจะเข้าไปรับได้อย่างง่ายดายจากเอกสารนั้น
“หลังจากนั้น ในอีก 7 วัน ธนาคารส่งรหัสมาให้ตามที่อยู่เดิม เรียบร้อยแล้วจึงไปใช้บัตรกดเงินตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ เช่น ตู้ธนาคารไทยพาณิชย์ รูดซื้อสินค้า หลังจากนั้นเงินที่เหลือจะไปเก็บไว้ในบัญชีของนายเอกซึ่งเหลือเงินสดอยู่ราว 80,000 บาท และนอกจากนี้ ได้กดเงินไปแล้วจำนวนมากจากหลายบัตร โดยถึงขั้นนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ใน จ.พัทลุง ประมาณ 300,000 บาท แล้ว และเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมากที่นายเอกได้ใช้ชื่อไปสร้างหนี้ไว้ให้โดยไม่รู้ตัวขอให้ผู้ที่สงสัยเร่งทำการตรวจสอบ”
ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า ระบบการจัดการบัตรเครดิตนี้ถือว่ายังหละหลวมไม่เพียงพอต่อการรักษาความปลอดภัยของลูกค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเตือนไปยังประชาชนที่ใช้บัตรเครดิต โดยเฉพาะผ่านตัวแทนให้ตรวจสอบข้อมูลตัวเองอย่างเร่งด่วน และไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยไม่จำเป็น ซึ่งหากเปิดเผยนั้นควรมั่นใจก่อนการเปิดเผย ส่วนธนาคาร ไปรษณีย์นั้นระบบยังไม่ดีพอ ยังหละหลวมมาก หากอยากรู้ว่าตรงไหนขอให้ติดต่อมาจะแจ้งให้ทราบเพื่อไปแก้ไข