กาฬสินธุ์- สาวกาฬสินธุ์แจ้งจับสามีหลังไม่ยอมรับขโมยบัตรกดเงินไปเล่นการพนัน สุดท้ายจนมุมหลักฐานกล้องวงจรปิดแอบกดเงินชัดเจน สารภาพต้องเอาเงินไปใช้หนี้พนัน
วันนี้ (2 ก.ย.) เวลา 14.30 น.ร.ต.อ.ประเสริฐ ธรรมชัย สารวัตรกลุ่มงานสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งจากนางสาวดารารัตน์ ปิตานันท์ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 9 ตำบลลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่เดินทางมาพร้อมกับสามี คือ นายมงคล ราชวงค์ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ 10 ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ว่า มีคนร้ายแอบเอาบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเครดิต ไปกดเงิน โดยมีการกดเงินมากถึง 7 ครั้ง เป็นเงินกว่า 6,260 บาท
นางสาวดารารัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมาแจ้งความ ได้พูดคุยและสอบถามกับสามี แต่สามีคือ นายมงคล ราชวงค์ ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น ตนเองก็สงสัย เนื่องจากเงินในบัตรหายไปทั้งๆ ที่บัตรทั้งหมดก็อยู่กับตนเองตลอดเวลา จึงเข้ามาแจ้งความเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าเงินในบัตรหายไปไหนและใครเอาไป พร้อมกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวคนร้าย
เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าว ตนตั้งใจจะเก็บออมไว้ เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก เมื่อเงินหายไปจากบัญชีไปโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงรู้สึกเสียดายและอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้
ขณะที่การตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคารที่มีการเดินทางไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหลายแห่ง ภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์พบว่า คนร้ายตัวจริง คือ นายมงคล ซึ่งเป็นสามีของนางสาวดารารัตน์ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันอย่างชัดเจน
ซึ่งเมื่อเห็นภาพในกล้องวงจรปิด นายมงคล ถึงกับหน้าซีดและยอมรับสารภาพ และเป็นเหตุให้นางสาวดารารัตน์ผู้เป็นภรรยามีความโกรธแค้น และแสดงอาการโมโหด่าว่าอย่างรุนแรง พร้อมประกาศแยกทางกันบนสถานีตำรวจฯ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ด้าน ร.ต.อ.ประเสริฐ ธรรมชัย สารวัตรกลุ่มงานสอบสวน กล่าวว่า เบื้องต้นทางผู้เสียหายมีความประสงค์แจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และจากการสอบปากคำนายมงคลฯ ให้การรับสารภาพ ว่า ได้ไปเล่นการพนันจนเป็นหนี้สิน โดยอาศัยที่ภรรยาเผลอเพื่อนำเงินไปใช้หนี้การพนัน จากนั้นก็นำบัตรมาไว้ที่เดิม และเพื่อไม่ให้ภรรยาสงสัยว่าเป็นตนเองจึงแกล้งแสดงความบริสุทธิ์ จึงพาภรรยาไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อตรวจสอบว่าเงินหายไปไหน
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ในข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนประชาชนทั่วไปให้เฝ้าระวังปัญหาเช่นนี้ เนื่องจากจะเป็นความผิดทางกฎหมายแล้วยังเป็นบ่อเกิดทำให้ครอบครัวแตกแยกอีกด้วย