xs
xsm
sm
md
lg

สมาร์ทเพิร์สจับมือเซนต์จอห์น "อนุบาล-ป.เอก"เลิกใช้เงินสด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(จากซ้ายไปขวา) นาย ฉัตรไชย ฉัตรชัยกนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานธุรกิจและปฏิบัติการ บริษัทไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด นาย ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด ดร. ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานกรรมการผู้บริหารกลุ่มเซนต์จอห์น และดร. รัชดา มนเทียรวิเชียรฉาย ผู้บริหารสารสนเทศระดับสูง (CIO) สถาบันการศึกษาเซนต์จอห์น
ไทยสมาร์ทคาร์ดมั่นใจปีนี้ยอดใช้บัตรเงินสดสมาร์ทเพิร์สทะลุ 2 ล้านใบ หนึ่งในนั้นมาจากการจับมือกลุ่มเซนต์จอห์น ออกบัตรนักเรียน-นักศึกษาที่สามารถใช้ชำระค่าสินค้าแทนเงินสดได้ ไม่เพียงตั้งเป้าให้นักเรียนระดับอนุบาลถึงนักศึกษาระดับปริญญาเอกไม่ต้องใช้เงินสดเมื่อเข้ามาใน 7 สถาบันการศึกษากลุ่มเซนต์จอห์น แต่รวมถึงบุคลากรและผู้ปกครองด้วย เชื่อ"สังคมไร้เงินสด"เป็นผลดีกับทั้งโรงเรียน ผู้ปกครอง และตัวเด็กเอง

"ผมมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์แน่นอน เด็กจะไม่มีปัญหาเรื่องยาเสพติด เราจะควบคุมการใช้เงินของเด็กได้ เด็กจะไม่ไปซื้อของไม่ดีเพราะเราจะไม่ไปติดตั้งเครื่องรับบัตรให้ร้านที่ขายของไม่ดี" นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมาร์ทเพิร์ส จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท CP ALL จำกัด กล่าวในงานแถลงข่าว

บัตรนักเรียน-นักศึกษาใหม่ "เซนต์จอห์นสมาร์ทเพิร์ส" จะทำให้ชาวเซนต์จอห์นทั้ง 7 สถาบันได้แก่ อนุบาลเซนต์จอห์น เซนต์จอห์นสามัญ โรงเรียนนานาชาติเซนต์จอห์น เซนต์จอห์นคอมเมิร์ช เซนต์จอห์นเทคโนโลยี เซนต์จอห์นโปลีเทคนิค และมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น สามารถใช้ชำระเงินด้วยบัตรใบเดียวในโรงอาหาร สหกรณ์ ตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ชำระค่าเทอมที่ห้องการเงิน ลงชื่อใช้งานห้องคอมพิวเตอร์ ชำระค่าถ่ายเอกสาร รวมถึงชำระค่าปรับการยืมหนังสือเกินกำหนดในห้องสมุด

"เซนต์จอห์นมีนักศึกษาภาคค่ำ บัตรนี้จะทำให้การชำระค่าเทอมช่วงค่ำทำได้สะดวกโดยที่ห้องการเงินไม่ต้องเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ครูสามารถเข้าเว็บแล้วรู้ว่าวันนี้นักเรียนมากี่คน พ่อแม่สามารถเข้าเว็บแล้วกรอกหมายเลขบัตรเพื่อดูการใช้เงินของบุตรหลานได้" ดร.รัชดา มนเทียรวิเชียรฉาย ผู้บริหารสารสนเทศระดับสูง (CIO) สถาบันการศึกษาเซนต์จอห์นกล่าว โดยระบุว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้บัตรดังกล่าวสร้างประโยชน์อื่นๆต่อการจัดการศึกษาของเซนต์จอห์นในรูปแบบ IT Campus ครบวงจรต่อไป
ชาลี ไตรรัตน์ หรือน้องแน็ก แฟนฉัน นักแสดงชื่อดังพร้อมเพื่อนนักเรียนสถาบันเซนต์จอห์น โชว์บัตรเซนต์จอห์น สมาร์ทเพิร์ส ( St. Johns Smart Purse)
นายฉัตรไชย ฉัตรชัยกนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานธุรกิจและปฏิบัติการของไทยสมาร์ทคาร์ด เชื่อว่าการใช้บัตรเงินสดจะไม่มีผลต่อทักษะการคิดเลขเงินทอนในเด็ก มั่นใจว่าเด็กจะระวังไม่ให้บัตรสูญหายเหมือนกับที่ระวังไม่ให้เงินสูญหาย

"ถ้าเด็กทำบัตรหายก็เหมือนทำเงินหาย คนอื่นเอาไปใช้ได้เพราะไม่มีรหัสผ่านเหมือนบัตรเอทีเอ็ม แต่ถึงยังไง ตรงนี้ทั่วโลกวิจัยมาแล้วว่า ถ้าเป็นการจ่ายเงินมูลค่าไม่มาก (Micro Payment) ต้องทำให้สะดวก ถ้าต้องการจ่ายมากๆก็ใช้ไปใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตแทน บัตรนี้ใช้นอกโรงเรียนได้ด้วย ภายในปีนี้เราจะเพิ่มกลุ่มธุรกิจพันธมิตรที่จะรับบัตรสมาร์ทเพิร์สอีก 5 กลุ่มได้แก่ ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม กลุ่มธุรกิจบันเทิงอย่างค่ายเพลง สถาบันกวดวิชา และกลุ่มธุรกิจออนไลน์ จะเน้นกลุ่มเกมและช็อปปิ้ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70 เปอร์เซ็นต์ของตลาดออนไลน์"

นายฉัตรไชยบอกว่า สถาบันกลุ่มเซนต์จอห์นคือสถานศึกษาแห่งแรกที่เป็นสังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ โดยก่อนหน้านี้สมาร์ทเพิร์สได้ทำสัญญากับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยศรีปทุมแล้วแต่ยังไม่มีการปรับระบบเต็มรูปแบบอย่างเซนต์จอห์น

อย่างไรก็ตาม ภายในปีนี้จะยังไม่มีสถาบันการศึกษารายอื่นที่จะทำดำเนินการร่วมกับสมาร์ทเพิร์สเช่นนี้ โดยฉัตรไชยให้ข้อมูลว่าในปีหน้า บริษัทจะร่วมมือกับ VISA เพื่อทำให้บัตรสมาร์ทเพิร์สเป็นบัตรเครดิต รวมถึงจะเริ่มเจรจากับกลุ่มธนาคาร ให้ดำเนินการเติมเงินในบัตรแบบอัตโนมัติ ขณะเดียวกัน เจ้าอาวาสวัดบางแห่งสนใจจะติดตั้งเครื่องรับบัตรสมาร์ทเพิร์สในการรับบริจาคด้วย เนื่องจากโอกาสเงินสูญหายน้อย ซึ่งขณะนี้สมาร์ทเพิร์สได้ทดลองติดตั้งที่ดอยสุเทพ เชียงใหม่แล้ว

บัตรสมาร์ทเพิร์สที่มีการเปิดใช้งานตั้งแต่ต้นปีนี้มีจำนวนราว 600,000 ใบ คำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ทำให้บริษัทเชื่อว่ารวมทั้งปีนี้ปริมาณบัตรทั้งสิ้นจะอยู่ที่ 800,000 ใบ รวมกับของปี 2007 ที่ทำได้ 1,200,000 ใบ จะทำให้สมาชิกบัตรในประเทศไทยมีจำนวนรวม 2 ล้านใบ จุดรับบัตรทั่วประเทศขณะนี้อยู่ที่ 12,000 จุด สัดส่วนผู้ถือบัตรหลักคือกลุ่มอายุ 13-23 ปี ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ย 1,700-1,800 บาทต่อเดือนต่อคน เฉลี่ยรวมทั้งสิ้นราว 350 ล้านบาทต่อเดือน โดยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นการใช้จ่ายในร้านเซเว่นอิเลเวน (7-11) รองลงมาคือโรงภาพยนตร์ และร้านหนังสือ สัดส่วนบัตรที่มีการใช้งานต่อเนื่องอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์

"ผู้ใช้มีเข้ามีออก แต่ยอดการใช้ทุกอย่างเพิ่มเพราะคนเริ่มมาทำร่วมกับเรา เราเริ่มทำตลาดมา 3 ปี ปีแรกทำเองใน 7-11 ปีที่สองเริ่มไปร้านนอก 7-11 จนปีนี้เราเริ่มที่ภาคการศึกษา ปีหน้าเราจะทำร่วมกับธนาคาร เชื่อว่าปีที่ 3-5 จากนี้ไปจะเติบโตรวดเร็วกว่า 2 ปีที่ผ่านมา"

ฉัตรไชยบอกว่าไทยสมาร์ทคาร์ดลงทุนไปแล้วทั้งสิ้นราว 1,600 ล้านบาท สัดส่วนรายได้อยู่ที่ 1-2 เปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายรวม สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญในขณะนี้ไม่ใช่รายได้หรือกำไร แต่เป็นการสร้างประชากร โดยเชื่อกว่าอีกกว่า 7 ปีจึงจะคุ้มทุน

"เราต้องสร้างประชากรให้ได้ 5-10 ล้านคน ให้มียอดใช้ 5,000 ล้านบาทต่อปี เราเชื่อว่าปีที่ 7 เราจะคุ้มทุน ผลประกอบการไตรมาสหนึ่งและสองลดลงไปกว่า 14-15 เปอร์เซ็นต์ของที่ตั้งไว้เพราะพิษเศรษฐกิจ ไตรมาสสามเพิ่งฟื้นกลับมาเหมือนเดิม เพราะคนเริ่มซื้อของในร้านสะดวกซื้อมากขึ้น และมั่นใจว่าไตรมาสสี่จะไม่มีปัญหา"

Comapny Related Links :
สถาบันการศึกษาเซนต์จอห์น
ThaiSmartCard
กำลังโหลดความคิดเห็น