พัทลุง - กรรมการจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นพัทลุง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้องศาลปกครองชั้นต้นยกเลิกคำสั่งคุ้มครอง หวั่นหากปล่อยให้การประมูลช้ากว่านี้ เกาะรังนกจะได้รับความเสียหาย
จากกรณีสัญญาสัมปทานจัดเก็บรังนกอีแอ่นของจังหวัดพัทลุง ซึ่งอยู่กลางทะเลสาบ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง สิ้นสุดสัญญาให้บริษัทสยามเนส จำกัด เก็บผลประโยชน์รังนกอีแอ่นตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.51 เป็นต้นมา และบริษัทจะต้องเก็บข้าวของออกจากเกาะทันทีที่หมดสัญญา ซึ่งทางจังหวัดพัทลุงจะต้องเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่เข้าไปแทนที่
แต่เนื่องจากบริษัทเบสท์เนสท์ จำกัด หนึ่งในกลุ่มทุนที่จะเข้ายื่นประมูลราคา มองว่าสัญญาฉบับใหม่ที่คณะกรรมการจัดร่างขึ้นมา ไม่มีความเป็นธรรม และมีการล็อคสเป็คเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนรายใหญ่และกำหนดเงินประกันซอง ประกันสัญญาสูงเกินไป จึงได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองสงขลา) และศาลพิจารณาแล้ว ก็สั่งให้การคุ้มครองชั่วคราว ทำให้จังหวัดพัทลุงต้องล้มเลิกการจัดประมูลราคารังนก
พร้อมทั้งมอบหมายให้ตัวแทนกรรมการเจรจาขอให้บริษัทสยามเนส จำกัด ผู้สัมปทานรายเก่า ต่อสัญญาเก็บรังนกไปอีก 1 ปี ทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้มอบหมายให้เป็นตัวแทนเดินทางไปเจรจากับหุ้นส่วนของบริษัทสยามเนส จำกัด ขอให้ต่อสัญญาสัมปทานเก็บรังนกไปอีก 1 ปี แต่เนื่องจากบริษัทสยามเนส จำกัด มีหุ้นส่วนจำนวน 4 ราย และเกิดปัญหาความขัดแย้งภายในบริษัทที่ค่อนข้างจะรุนแรง จนไม่สามารถทำงานต่อได้อีก บริษัทสยามเนสก็ปฎิเสธที่จะต่อสัญญาตามที่จังหวัดพัทลุงร้องขอ จึงไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส.และเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง ออกไปเฝ้าเกาะรังนกไปจนกว่าจะดำเนินการเปิดประมูลให้มีการสัมปทานเก็บรังนกได้
ล่าสุดนายประเสริฐ ดำสุด ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้เปิดเผยว่า ล่าสุดทางตนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดพัทลุงทั้ง 74 แห่ง มีความคิดเห็นร่วมกัน
โดยมีมติยื่นหนังสือเสนอศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้มีคำสั่งกลับมายังศาลปกครองสงขาลให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครอง เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้สัมปทานรายใหม่เข้ามาในเร็ววัน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับฐานะการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการตั้งงบประมาณรายจ่าย ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 6 เดือน ท้องถิ่นต่าง ๆ ก็จะได้นำเงินภาษีรังนกอีแอ่นไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเองต่อไป
นายประเสริฐ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในห้วงระยะเวลาหกเดือนดังกล่าวก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งถึงที่สุด จังหวัดพัทลุงจะอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนาในด้านต่างๆ เนื่องจากงบประมาณรายได้หลักมาจากภาษีรังนก โดยเฉพาะ อบต.เกาะหมาก
นอกจากนั้นแล้ว หลังจากที่ทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงเฝ้าเกาะรังนกพบ ว่าได้มีชาวบ้านร้องเรียน การแอบขโมยรังนกตามเกาะและถ้ำต่างๆ ขายในตลาดมืดเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพราะเจ้าหน้าที่ทางจังหวัดมีน้อย ประกอบกับอิทธิพลในท้องที่มีการจ่ายค่าหัวให้กับเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าถ้ำ เปิดทางสะดวกในการลักขโมย จึงห่วง หากปล่อยให้การประมูลช้ากว่านี้ เกาะรังนกจะได้รับความเสียหายมากว่านี้
จากกรณีสัญญาสัมปทานจัดเก็บรังนกอีแอ่นของจังหวัดพัทลุง ซึ่งอยู่กลางทะเลสาบ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง สิ้นสุดสัญญาให้บริษัทสยามเนส จำกัด เก็บผลประโยชน์รังนกอีแอ่นตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.51 เป็นต้นมา และบริษัทจะต้องเก็บข้าวของออกจากเกาะทันทีที่หมดสัญญา ซึ่งทางจังหวัดพัทลุงจะต้องเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่เข้าไปแทนที่
แต่เนื่องจากบริษัทเบสท์เนสท์ จำกัด หนึ่งในกลุ่มทุนที่จะเข้ายื่นประมูลราคา มองว่าสัญญาฉบับใหม่ที่คณะกรรมการจัดร่างขึ้นมา ไม่มีความเป็นธรรม และมีการล็อคสเป็คเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนรายใหญ่และกำหนดเงินประกันซอง ประกันสัญญาสูงเกินไป จึงได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองสงขลา) และศาลพิจารณาแล้ว ก็สั่งให้การคุ้มครองชั่วคราว ทำให้จังหวัดพัทลุงต้องล้มเลิกการจัดประมูลราคารังนก
พร้อมทั้งมอบหมายให้ตัวแทนกรรมการเจรจาขอให้บริษัทสยามเนส จำกัด ผู้สัมปทานรายเก่า ต่อสัญญาเก็บรังนกไปอีก 1 ปี ทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้มอบหมายให้เป็นตัวแทนเดินทางไปเจรจากับหุ้นส่วนของบริษัทสยามเนส จำกัด ขอให้ต่อสัญญาสัมปทานเก็บรังนกไปอีก 1 ปี แต่เนื่องจากบริษัทสยามเนส จำกัด มีหุ้นส่วนจำนวน 4 ราย และเกิดปัญหาความขัดแย้งภายในบริษัทที่ค่อนข้างจะรุนแรง จนไม่สามารถทำงานต่อได้อีก บริษัทสยามเนสก็ปฎิเสธที่จะต่อสัญญาตามที่จังหวัดพัทลุงร้องขอ จึงไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส.และเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง ออกไปเฝ้าเกาะรังนกไปจนกว่าจะดำเนินการเปิดประมูลให้มีการสัมปทานเก็บรังนกได้
ล่าสุดนายประเสริฐ ดำสุด ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้เปิดเผยว่า ล่าสุดทางตนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดพัทลุงทั้ง 74 แห่ง มีความคิดเห็นร่วมกัน
โดยมีมติยื่นหนังสือเสนอศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้มีคำสั่งกลับมายังศาลปกครองสงขาลให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครอง เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้สัมปทานรายใหม่เข้ามาในเร็ววัน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับฐานะการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการตั้งงบประมาณรายจ่าย ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 6 เดือน ท้องถิ่นต่าง ๆ ก็จะได้นำเงินภาษีรังนกอีแอ่นไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเองต่อไป
นายประเสริฐ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในห้วงระยะเวลาหกเดือนดังกล่าวก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งถึงที่สุด จังหวัดพัทลุงจะอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนาในด้านต่างๆ เนื่องจากงบประมาณรายได้หลักมาจากภาษีรังนก โดยเฉพาะ อบต.เกาะหมาก
นอกจากนั้นแล้ว หลังจากที่ทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงเฝ้าเกาะรังนกพบ ว่าได้มีชาวบ้านร้องเรียน การแอบขโมยรังนกตามเกาะและถ้ำต่างๆ ขายในตลาดมืดเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพราะเจ้าหน้าที่ทางจังหวัดมีน้อย ประกอบกับอิทธิพลในท้องที่มีการจ่ายค่าหัวให้กับเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าถ้ำ เปิดทางสะดวกในการลักขโมย จึงห่วง หากปล่อยให้การประมูลช้ากว่านี้ เกาะรังนกจะได้รับความเสียหายมากว่านี้