ชุมพร - ชาวปะทิวผวาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลัง กฝผ. ลงพื้นที่ขนมวลชนขึ้นเครื่องบิน รถบัส ไปเที่ยว แฉนักการเมือง ผู้นำท้องถิ่น อยู่เบื้องหลังระดมพลหนุน จนสร้างความแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย หวั่นเกิดเหตุรุนแรงบานปลาย
วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง และวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มประชาชนพื้นที่ ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร กรณีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงพื้นที่สร้างมวลชน ผ่านทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนักการเมืองท้องถิ่นบางคน โดยพาผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านจำนวนมาก ไปศึกษาดูงานและท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อสนับสนุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่ ต.ชุมโค อ.ปะทิว
นายธนเทพ กมศิลป์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีผู้บริหารของ กฟผ. ลงมาหาผู้นำท้องถิ่น และนักการเมืองท้องถิ่น บางกลุ่มในพื้นที่ ต.ชุมโค เพื่อให้ทำมวลชนปลุกระดมชาวบ้านให้สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยเมื่อวันที่ 17-19 ต.ค. 51 ที่ผ่านมา ได้พาผู้นำท้องถิ่นกว่า 10 คนนั่งเครื่องบินชั้น วี ไอ พี อย่างดี ไปศึกษาดูงานที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง และท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ และในวันที่ 13-16 ก.ย. 51 นี้ จะมีการระดมชาวบ้านอีกกว่า 100 คน นั่งรถบัสไปศึกษาดูงานอีก ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่บอกว่าแค่อยากไปเที่ยวเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองในท้องถิ่นบางคนทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับ กฟผ.ในการแจกเอกสาร และให้ข้อมูลด้านเดียวแก่ชาวบ้านอย่างออกหน้าออกตา อ้างว่าหากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะมีการจ้างงานจากคนในพื้นที่นับ 1,000 ตำแห่ง อีกทั้งจะไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และถ้าใครไม่เห็นด้วย หรือไม่สนับสนุนก็จะถูกโจมตีต่างๆ นานา จนเกิดความแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย และมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ด้วย
ด้าน น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อม จ.ชุมพร กล่าวว่า พื้นที่ก่อสร่างโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น ทราบว่าอยู่บริเวณริมทะเลอ่าวยายไอ๋ บ้านบางจาก ระหว่างหมู่ที่ 5 และ หมู่ที่ 6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว ซึ่งมีนายทุนกว้านซื้อที่ดินไว้ขายให้แก่ กฟผ.จำนวนกว่า 5 พันไร่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร และสนามบินพาณิชย์ชุมพร
ที่สำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงานอันดับหนึ่งของ จ.ชุมพร มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก หากสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะเกิดผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้อารยะประเทศตระหนักถึงภัยมลพิษจากการเผาไหม้ของถ่านหิน พร้อมกับหันไปพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อาทิ พลังน้ำ พลังลม ชีวมวล พลังแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ แต่ กฟผ.กลับฝืนกระแสโลกดึงดันจะใช้ถ่านหินซึ่งเป็นพลังงานสกปรกยุคโบราณที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ กำมะถัน สารตะกั่ว ปรอท ออกสู่ชั้นบรรยากาศ จนกลายเป็นตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อนอยู่ในปัจจุบัน และจะกลายเป็นมัจจุราชที่คอยคร่าชีวิตประชากรที่อยู่ในรัศมีรอบโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกด้วย
“ขณะนี้ได้ประสานไปยังนักวิชาการอิสระ กลุ่มพลังงานทางเลือก กรีนพีซ องค์กรภาคประชาชน ในการจัดเสวนาระดมความคิดเห็น และเผยแพร่ข้อเท็จจริงจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และขึ้นป้ายรณรงค์ต่อต้าน ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ เนื่องจากที่ผ่านมามีการให้ข้อมูลเพียงด้านเดียวเท่านั้น โดยมีนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น บางคน เข้าไปมีผลโยชน์ กับเรื่องนี้อย่างออกหน้าออกตา” น.ส.ชิดสุภางค์กล่าว
วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง และวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มประชาชนพื้นที่ ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร กรณีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงพื้นที่สร้างมวลชน ผ่านทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนักการเมืองท้องถิ่นบางคน โดยพาผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านจำนวนมาก ไปศึกษาดูงานและท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อสนับสนุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่ ต.ชุมโค อ.ปะทิว
นายธนเทพ กมศิลป์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีผู้บริหารของ กฟผ. ลงมาหาผู้นำท้องถิ่น และนักการเมืองท้องถิ่น บางกลุ่มในพื้นที่ ต.ชุมโค เพื่อให้ทำมวลชนปลุกระดมชาวบ้านให้สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยเมื่อวันที่ 17-19 ต.ค. 51 ที่ผ่านมา ได้พาผู้นำท้องถิ่นกว่า 10 คนนั่งเครื่องบินชั้น วี ไอ พี อย่างดี ไปศึกษาดูงานที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง และท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ และในวันที่ 13-16 ก.ย. 51 นี้ จะมีการระดมชาวบ้านอีกกว่า 100 คน นั่งรถบัสไปศึกษาดูงานอีก ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่บอกว่าแค่อยากไปเที่ยวเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองในท้องถิ่นบางคนทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับ กฟผ.ในการแจกเอกสาร และให้ข้อมูลด้านเดียวแก่ชาวบ้านอย่างออกหน้าออกตา อ้างว่าหากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะมีการจ้างงานจากคนในพื้นที่นับ 1,000 ตำแห่ง อีกทั้งจะไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และถ้าใครไม่เห็นด้วย หรือไม่สนับสนุนก็จะถูกโจมตีต่างๆ นานา จนเกิดความแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย และมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ด้วย
ด้าน น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อม จ.ชุมพร กล่าวว่า พื้นที่ก่อสร่างโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น ทราบว่าอยู่บริเวณริมทะเลอ่าวยายไอ๋ บ้านบางจาก ระหว่างหมู่ที่ 5 และ หมู่ที่ 6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว ซึ่งมีนายทุนกว้านซื้อที่ดินไว้ขายให้แก่ กฟผ.จำนวนกว่า 5 พันไร่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร และสนามบินพาณิชย์ชุมพร
ที่สำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงานอันดับหนึ่งของ จ.ชุมพร มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก หากสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะเกิดผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้อารยะประเทศตระหนักถึงภัยมลพิษจากการเผาไหม้ของถ่านหิน พร้อมกับหันไปพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อาทิ พลังน้ำ พลังลม ชีวมวล พลังแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ แต่ กฟผ.กลับฝืนกระแสโลกดึงดันจะใช้ถ่านหินซึ่งเป็นพลังงานสกปรกยุคโบราณที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ กำมะถัน สารตะกั่ว ปรอท ออกสู่ชั้นบรรยากาศ จนกลายเป็นตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อนอยู่ในปัจจุบัน และจะกลายเป็นมัจจุราชที่คอยคร่าชีวิตประชากรที่อยู่ในรัศมีรอบโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกด้วย
“ขณะนี้ได้ประสานไปยังนักวิชาการอิสระ กลุ่มพลังงานทางเลือก กรีนพีซ องค์กรภาคประชาชน ในการจัดเสวนาระดมความคิดเห็น และเผยแพร่ข้อเท็จจริงจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และขึ้นป้ายรณรงค์ต่อต้าน ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ เนื่องจากที่ผ่านมามีการให้ข้อมูลเพียงด้านเดียวเท่านั้น โดยมีนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น บางคน เข้าไปมีผลโยชน์ กับเรื่องนี้อย่างออกหน้าออกตา” น.ส.ชิดสุภางค์กล่าว
