ฉะเชิงเทรา - รมว.พลังงาน หันหาพลังงานทางเลือกใหม่ให้คนไทย หลังประเทศประสบภาวะวิกฤตด้านพลังงานจนส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศึกษาแนวทาง การนำพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ในอนาคตที่โรงงานผลิตแผงโซล่าร์เซลล์แห่งแรกของประเทศไทย และเป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออกหนึ่งเดียวในเอเชียที่แปดริ้ว
วันนี้( 2 มิ.ย.51 ) เวลา 13.00 น. พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมชมกระบวนการผลิต แผงโซล่าร์เซลล์ ที่โรงงานบริษัทบางกอกโซล่าร์ จำกัด ตั้งอยู่ริมถนนสายฉะเชิงเทรา-บางปะกง ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ แห่งเดียวในประเทศไทย และถือหนึ่งเดียวในเอเชียที่มีการส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก หากไม่นับรวมญี่ปุ่น เพื่อศึกษาแนวทางการนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนในอนาคต
โดยมีเป้าหมายในการดำเนินการระหว่างปี 2551-2554 ที่จะให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากเดิมเพียงร้อยละ 8 ให้ได้ถึงร้อยละ 11.5 ของการใช้พลังงานทั้งหมด ซึ่งมีแผนที่จะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าให้ได้ถึง 45 กิโลวัตต์ โดยจะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ การให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
สำหรับโรงงานผลิตแผงโซล่าร์เซลล์แห่งนี้ เป็นโรงงานที่ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ชนิด อะมอฟัสซิลิกอน ซึ่งถือว่าเป็นแซลล์แสงอาทิตย์ที่มีคุณภาพดีกว่า เซลล์แสงอาทิตย์แบบ คริสตอลไลน์ โดยใช้วัตถุดิบหลักส่วนใหญ่ในประเทศ ยกเว้นกระจกเคลือบดีบุก (TCO) หรือตัวนำโปร่งแสง ที่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตแผงโซล่าร์เซลล์อยู่ที่ 50 เมกาวัตต์ต่อปีและเป็นโรงงานที่ผลิตแผงโซล่าร์เซลล์ ชนิดฟิลม์บางที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 10 โลก มีคนงาน 300 คน โดยได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้สามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ ทั้ง อเมริกา ยุโรป เช่น เยอรมัน สเปน อิตาลี และเกาหลี ซึ่งคาดว่าในปีนี้ จะมีสัดส่วนของการส่งออกได้ถึง 85-90 เปอร์เซ็นต์ และเหลือใช้ในประเทศประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ทางโรงงานบางกอกโซล่าร์ จำกัด ยังได้มีเป้าหมายที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย ให้แก่ กฟภ. และ กฟผ. และเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้ทำสัญญา กับ กฟภ.ที่จะตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 5 โครงการ โดยสามารถผลิต และจำหน่ายเข้าระบบได้แล้ว 2 แห่ง คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 1.64 เมกกะวัตต์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และขนาด 250 กิโลวัตต์ ที่ อ.นาข่า จ.อุดรธานี
พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงงานในครั้งนี้ เพื่อมารับรู้ปัญหา ความพร้อมในการผลิตพลังงานทดแทน และศักยภาพของโรงงาน รวมถึงความต้องการของผู้ผลิตพลังงานทดแทน เพื่อจะได้นำไปพิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้หาทางที่จะส่งเสริมพลังงานทดแทนให้ไม่ไกลตัวประชาชนมากนัก ที่อาจจะขยายการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ไปให้ถึงยังระดับครัวเรือน (แสตน อะโลน หรือโฮล์มโซล่าร์เซลล์) ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือกัน และไม่ไกลเกินมือนัก แต่ปัจจุบันยังติดปัญหาอยู่ที่การเก็บพลังงานที่ได้ ที่ยังต้องใช้การเก็บในแบตเตอรี่ ที่ยังมีส่วนที่สูญเสียไป ซึ่งต่อไปเมื่อผลิตได้อาจจะต้องขายเข้าระบบไปได้โดยตรง ซึ่งก็มีข้อจำกัดที่บ้านเรือนของประชาชนอยู่ห่างไกลจากระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งหากมีการรวมกลุ่มกันผลิตก็น่าจะทำได้ง่ายขึ้น
วันนี้( 2 มิ.ย.51 ) เวลา 13.00 น. พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมชมกระบวนการผลิต แผงโซล่าร์เซลล์ ที่โรงงานบริษัทบางกอกโซล่าร์ จำกัด ตั้งอยู่ริมถนนสายฉะเชิงเทรา-บางปะกง ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ แห่งเดียวในประเทศไทย และถือหนึ่งเดียวในเอเชียที่มีการส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก หากไม่นับรวมญี่ปุ่น เพื่อศึกษาแนวทางการนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนในอนาคต
โดยมีเป้าหมายในการดำเนินการระหว่างปี 2551-2554 ที่จะให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากเดิมเพียงร้อยละ 8 ให้ได้ถึงร้อยละ 11.5 ของการใช้พลังงานทั้งหมด ซึ่งมีแผนที่จะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าให้ได้ถึง 45 กิโลวัตต์ โดยจะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ การให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
สำหรับโรงงานผลิตแผงโซล่าร์เซลล์แห่งนี้ เป็นโรงงานที่ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ชนิด อะมอฟัสซิลิกอน ซึ่งถือว่าเป็นแซลล์แสงอาทิตย์ที่มีคุณภาพดีกว่า เซลล์แสงอาทิตย์แบบ คริสตอลไลน์ โดยใช้วัตถุดิบหลักส่วนใหญ่ในประเทศ ยกเว้นกระจกเคลือบดีบุก (TCO) หรือตัวนำโปร่งแสง ที่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตแผงโซล่าร์เซลล์อยู่ที่ 50 เมกาวัตต์ต่อปีและเป็นโรงงานที่ผลิตแผงโซล่าร์เซลล์ ชนิดฟิลม์บางที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 10 โลก มีคนงาน 300 คน โดยได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้สามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ ทั้ง อเมริกา ยุโรป เช่น เยอรมัน สเปน อิตาลี และเกาหลี ซึ่งคาดว่าในปีนี้ จะมีสัดส่วนของการส่งออกได้ถึง 85-90 เปอร์เซ็นต์ และเหลือใช้ในประเทศประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ทางโรงงานบางกอกโซล่าร์ จำกัด ยังได้มีเป้าหมายที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย ให้แก่ กฟภ. และ กฟผ. และเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้ทำสัญญา กับ กฟภ.ที่จะตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 5 โครงการ โดยสามารถผลิต และจำหน่ายเข้าระบบได้แล้ว 2 แห่ง คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 1.64 เมกกะวัตต์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และขนาด 250 กิโลวัตต์ ที่ อ.นาข่า จ.อุดรธานี
พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงงานในครั้งนี้ เพื่อมารับรู้ปัญหา ความพร้อมในการผลิตพลังงานทดแทน และศักยภาพของโรงงาน รวมถึงความต้องการของผู้ผลิตพลังงานทดแทน เพื่อจะได้นำไปพิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้หาทางที่จะส่งเสริมพลังงานทดแทนให้ไม่ไกลตัวประชาชนมากนัก ที่อาจจะขยายการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ไปให้ถึงยังระดับครัวเรือน (แสตน อะโลน หรือโฮล์มโซล่าร์เซลล์) ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือกัน และไม่ไกลเกินมือนัก แต่ปัจจุบันยังติดปัญหาอยู่ที่การเก็บพลังงานที่ได้ ที่ยังต้องใช้การเก็บในแบตเตอรี่ ที่ยังมีส่วนที่สูญเสียไป ซึ่งต่อไปเมื่อผลิตได้อาจจะต้องขายเข้าระบบไปได้โดยตรง ซึ่งก็มีข้อจำกัดที่บ้านเรือนของประชาชนอยู่ห่างไกลจากระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งหากมีการรวมกลุ่มกันผลิตก็น่าจะทำได้ง่ายขึ้น
