กระบี่ -ผู้ประกอบการเล็งเปิดสถานีบริการแก๊สแอลพีจี รับทรัพย์ช่วงวิกฤตน้ำมันแพง โดยพบเปิดให้บริการแล้ว 2 ราย และขอติดตั้งอีก 4-5 ราย พลังงานงานจังหวัด ครวญไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบดูแลความปลอดภัย ในการติดตั้งถังภายในรถ
นายปณต สังข์สมบูรณ์ พลังงานจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เจ้าของรถต้องหาทางเลือก เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง โดยหันมาติดตั้งระบบแอลพีจีกันมากขึ้น เนื่องจากประหยัดและถูกกว่าน้ำมันดีเซล และเบนซิน เมื่อความต้องการมีมากขึ้น ส่งผลทำให้มีการเปิดสถานประกอบการจำหน่ายแก๊สแอลพีจี มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกเช่นกัน
ในส่วนของจังหวัดกระบี่ที่ผ่านมามีสถานประกอบการที่เปิดให้บริการเพียงรายเดียวคือ ที่ปั๊มซัสโก้ ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551โดยมียอดจำหน่ายเดือนละประมาณ 2 แสนลิตร แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการเนื่องจากมีผู้ใช้บริการเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งสาเหตุก็คือติดขัดปัญหารถขนส่งแก๊สบรรทุกได้ปริมาณจำกัด จึงไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ทั้งหมดในบางครั้ง
นายปณต กล่าวอีกว่า ในปลายเดือนกรกฎาคม 51 ก็ได้มีผู้ประกอบการให้บริการแก๊สแอลพีจี เพิ่มอีก 1 ราย คือที่ บ้านในช่อง ถนนเพชรเกษม ต.ทับปริก ติดกับบริษัท เจริญยูนิคแก๊ส คาดว่า จะสามารถบรรเทาปัญหาความขาดแคลนลงไปได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ประกอบการมาขอคำปรึกษา เพื่อขอทราบรายละเอียดในการเปิดปั๊ม บรรจุแก๊สแอลพีจี ประมาณ 4-5 ราย ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ คาดว่าในอนาคตจะมีปั๊มที่ให้บริการบรรจุแก๊สแอลพีจีเพิ่มมากขึ้นและทั่วถึงอย่างแน่นอน
“สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ คือกระบวนการติดตั้งถังบรรจุก๊าซภายในรถ ทราบว่ามีผู้ประกอบการรับติดตั้งถังระบบแอลพีจี หลายรายในจังหวัด และคาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความต้องการในการติดตั้งสูงมาก ซึ่งในส่วนนี้จังหวัดกระบี่ยังไม่มีหน่วยงานใดที่เข้ามารับผิดชอบควบคุมดูแลความปลอดภัย ในระบบการติดตั้งถังแก๊สแอลพีจีแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะเป็นช่องโหว่ในเรื่องของความปลอดภัย และราคา ทำให้เกิดความไม่มั่นใจของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการได้”
พลังงานจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า กระทรวงพลังงานนั้นรับผิดชอบเฉพาะเรื่องความปลอดภัยภายในสถานีให้บริการก๊าซเท่านั้น ไม่ได้คลอบคลุมไปถึงสถานที่รับติดตั้งถังแก๊สแอลพีจี โดยจะมีการตรวจสถานีให้บริการในทุกๆ 6 เดือน หรือปีละสองครั้ง และเมื่อครบ 5 ปี ก็จะตรวจสอบทุกระบบ ทั้งในเรื่องของระบบรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ของสถานี และมั่นใจได้ว่ามาตรฐานของประเทศไทยสูงกว่าทางญี่ปุ่น และอเมริกา เนื่องจากได้เอามาตรฐานทั้งยุโรปและญี่ปุ่นมาปรับใช้ ส่วนปัญหาที่พบมักจะเกิดจากความประมาทของผู้ใช้ที่มีการดัดแปลงอุปกรณ์เสริมมากว่า
นายปณต สังข์สมบูรณ์ พลังงานจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เจ้าของรถต้องหาทางเลือก เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง โดยหันมาติดตั้งระบบแอลพีจีกันมากขึ้น เนื่องจากประหยัดและถูกกว่าน้ำมันดีเซล และเบนซิน เมื่อความต้องการมีมากขึ้น ส่งผลทำให้มีการเปิดสถานประกอบการจำหน่ายแก๊สแอลพีจี มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกเช่นกัน
ในส่วนของจังหวัดกระบี่ที่ผ่านมามีสถานประกอบการที่เปิดให้บริการเพียงรายเดียวคือ ที่ปั๊มซัสโก้ ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551โดยมียอดจำหน่ายเดือนละประมาณ 2 แสนลิตร แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการเนื่องจากมีผู้ใช้บริการเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งสาเหตุก็คือติดขัดปัญหารถขนส่งแก๊สบรรทุกได้ปริมาณจำกัด จึงไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ทั้งหมดในบางครั้ง
นายปณต กล่าวอีกว่า ในปลายเดือนกรกฎาคม 51 ก็ได้มีผู้ประกอบการให้บริการแก๊สแอลพีจี เพิ่มอีก 1 ราย คือที่ บ้านในช่อง ถนนเพชรเกษม ต.ทับปริก ติดกับบริษัท เจริญยูนิคแก๊ส คาดว่า จะสามารถบรรเทาปัญหาความขาดแคลนลงไปได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ประกอบการมาขอคำปรึกษา เพื่อขอทราบรายละเอียดในการเปิดปั๊ม บรรจุแก๊สแอลพีจี ประมาณ 4-5 ราย ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ คาดว่าในอนาคตจะมีปั๊มที่ให้บริการบรรจุแก๊สแอลพีจีเพิ่มมากขึ้นและทั่วถึงอย่างแน่นอน
“สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ คือกระบวนการติดตั้งถังบรรจุก๊าซภายในรถ ทราบว่ามีผู้ประกอบการรับติดตั้งถังระบบแอลพีจี หลายรายในจังหวัด และคาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความต้องการในการติดตั้งสูงมาก ซึ่งในส่วนนี้จังหวัดกระบี่ยังไม่มีหน่วยงานใดที่เข้ามารับผิดชอบควบคุมดูแลความปลอดภัย ในระบบการติดตั้งถังแก๊สแอลพีจีแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะเป็นช่องโหว่ในเรื่องของความปลอดภัย และราคา ทำให้เกิดความไม่มั่นใจของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการได้”
พลังงานจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า กระทรวงพลังงานนั้นรับผิดชอบเฉพาะเรื่องความปลอดภัยภายในสถานีให้บริการก๊าซเท่านั้น ไม่ได้คลอบคลุมไปถึงสถานที่รับติดตั้งถังแก๊สแอลพีจี โดยจะมีการตรวจสถานีให้บริการในทุกๆ 6 เดือน หรือปีละสองครั้ง และเมื่อครบ 5 ปี ก็จะตรวจสอบทุกระบบ ทั้งในเรื่องของระบบรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ของสถานี และมั่นใจได้ว่ามาตรฐานของประเทศไทยสูงกว่าทางญี่ปุ่น และอเมริกา เนื่องจากได้เอามาตรฐานทั้งยุโรปและญี่ปุ่นมาปรับใช้ ส่วนปัญหาที่พบมักจะเกิดจากความประมาทของผู้ใช้ที่มีการดัดแปลงอุปกรณ์เสริมมากว่า
