นายกสมาคมมันแฉ แก๊สอ่าวไทยโดนลอบส่งออกนอกประเทศ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมมันสำปะหลังแห่งประเทศไทย แฉ กลางวงเสวนา “วิกฤตน้ำมัน : ความมั่นคงทางพลังงาน” ถึงแก๊สที่ขุดเจาะกลาง อ่าวไทย มีเป็นจำนวนมาก แต่ถูกลักลอบส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ส่งผลวิกฤตต่อประเทศไทย

วานนี้ (5 ก.ค.) ที่ห้องประชุม 501 วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ได้มีการจัดเสวนา หัวข้อเรื่อง “วิกฤตน้ำมัน: ความมั่นคงทางพลังงาน” โดยเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ดร.เติมชัย บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่วางแผนหน่วยธุรกิจก๊าซบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), นายมณเฑียร ทองนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมมันสำปะหลังแห่งประเทศไทย และ ดร.สรวิศ เผ่าทองศุข นักวิจัย สวทช. โดยมีนักศึกษาและนักธุรกิจเข้าร่วมงานเสวนากว่า 50 คน

การสัมมนาในครั้งนี้ ทางผู้จัดเสวนาต้องการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิกฤตน้ำมันและแนวทางแก้ไขและทางออกของวิกฤตน้ำมันที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน, เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตน้ำมัน ความมั่นคงด้านพลังงานระหว่างวิทยากร และผู้เข้าร่วมเสวนา

นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมมันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้คนไทยได้รับผลกระทบโดยเฉพาะน้ำมันมีราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงหันมาใช้แก๊สเพิ่มขึ้น แต่แก๊สไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรถยนต์และรถบรรทุก ไม่มีแก๊สให้เติม นอกจากนั้นปริมาณปั๊มแก๊สในการเติมรถยนต์ก็มีน้อย ยิ่งสร้างปัญหาอย่างมาก

ปัญหาแก๊สนั้น ประเทศไทยไม่ควรได้รับผลกระทบ เพราะประเทศไทยมีแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยกว่า 100 หลุม โดยปัจจุบันการใช้แก๊สธรรมชาตินั้น ประเทศไทยใช้เพียง 30% เท่านั้น แต่อีก 70% มีการนำส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากแก๊สที่ส่งไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ มีราคาสูงกว่าตลาดในประเทศไทยอย่างมาก จึงมีการลักลอบไปขายยังต่างประเทศ จึงส่งผลวิกฤตต่อประเทศไทย

นายนิยม กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีหลายบริษัทที่ผลิตแก๊สขึ้นมาได้ โดยไม่ใช่เฉพาะบริษัท ปตท.เท่านั้น โดยบริษัทต่างๆ ที่ผลิตได้นั้น มีการตรวจสอบหรือเข้มงวดในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะจากข้อมูลแล้ว สามารถผลิตขึ้นได้เป็นจำนวนมาก แต่ทำไมถึงไม่เพียงพอกับความต้องการและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

ด้าน นายวิฒิพงศ์ กล่าวว่า ทางกระทรวงฯได้ทำการศึกษาค้นคว้าและวิจัยวัตถุดิบต่างๆ เช่น มันสำปะหลัง พลังงานแสงอาทิตย์ เศษวัสดุไม้ เพื่อเป็นพลังงานมาทดแทนน้ำมัน ซึ่งต้องสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะประเทศไทยมีวัตถุดิบจำนวนมาก ที่สามารถศึกษาและวิจัย เพื่อนำมาเป็นพลังงานทดแทนได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา แต่อย่างไรก็ตามจะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้สามารถนำมาทดแทนให้ได้โดยเร็ว และขณะนี้มีภาคเอกชนเข้ามาสอดรับแล้ว โดยทางรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันที่มีมูลค่ามหาศาล