นครศรีธรรมราช - แฉบริษัทประกันส่อเบี้ยวจ่ายเงินค่าชีวิต “นักข่าวเมืองคอน”-เมียรักเผยสามีรู้ตัวชะตาขาด ทำประกัน 3 ล้าน ให้ลูก โทร.แจ้งกลับปฏิเสธการจ่ายเงิน-อ้างดื้อๆ โดนยิงตายไม่ใช่อุบัติเหตุ ประกาศสานต่ออาชีพ “นักข่าว”-ลูกชายขอเป็นนักข่าวเหมือนพ่อ-ส่วนพี่สาว “ขอเป็นผู้พิพากษาหญิง”
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหาร นายอธิวัฒน์ หรือ แวว ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัว ขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับครอบครัวที่กำลังเดินทางกลับบ้าน อย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจตั้งประเด็นการสอบสวนสาเหตุการสังหารไว้ 2-3 ประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการขุดคุ้ยและเสนอข่าวความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้ง และบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเรื่องการนำเสนอข่าวในประเด็นที่เกี่ยวพันกับข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง
ความคืบหน้าเมื่อวันนี้ (5 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคืนที่ผ่านมา พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.ว.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคม ผู้บริหารหนังสือพิมพ์มติชน ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ นายอธิวัฒน์ โดยมีเพื่อนๆ นักข่าวจากในจังหวัดนครศรีธรรมราช จากส่วนกลาง และในภาคใต้จำนวนมากเดินทางไปร่วมงาน โดยมี นางพรพิไมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของ นายอธิวัฒน์ นำน้อง “น้ำหวาน” อายุ 15 ปี เรียนอยู่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ชั้น ม. 3 และ “น้องแก้ว” อายุ 10 ขวบ เรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลจังหวัดนครศรีธรรมราช “ณ.นครอุทิศ” ชั้น ป.3 บุตรสาวและบุตรชายมาคอยต้อนรับแขก
“เพื่อนๆ นักข่าวได้เรียกน้องน้ำหวาน และน้องแก้ว มาพูดคุยปลอบใจและให้กำลังใจ พร้อมสอบถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร น้องน้ำหวาน ตอบทันทีว่า “อยากเป็นผู้พิพากษา” ในขณะนี้ น้องแก้ว ตอบว่า “อยากเป็นนักข่าว" เหมือนพ่อ บรรดานักข่าวจึงบอกว่าเป็นนักข่าวต้องลำบาก และเหนื่อย และเสี่ยงชีวิตเหมือนพ่อไม่กลัวหรือ น้องแก้วถามกลับทันทีว่าไม่กลัว เพราะชอบมานานแล้ว แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตและต้องเสียชีวิตเหมือนพ่อก็ไม่กลัวและไม่เปลี่ยนใจจะเป็นนักข่าวให้ได้”
ในขณะที่ นางพรพิมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของนายอธิวัฒน์ กล่าวว่า สามีรักลูกมากๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกปองร้อยก็ได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งในวงเงินคุ้มครอง 3 ล้านบาท โดยจ่ายค่าเบี้ยประกันเป็นรายเดือน และระบุ ผู้รับผลประโยชน์ คือ บุตรทั้งสองคน หลังจากทำประกัน นายอธิวัฒน์ ได้พูดว่าแม้จะต้องถูกฆ่าตายก็หมดห่วงแล้ว เพราะได้เตรียมการไว้ให้ลูกๆ แล้วและลูกๆ คงไม่ลำบากแน่
“เมื่อวานนี้ ตนได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับบริษัทประกันชีวิตที่ นายอธิวัฒน์ ทำประกันชีวิตเอาไว้ แจ้งเรื่องที่ นายอธิวัฒน์ ถูกยิงเสียชีวิตให้ทราบ แต่พนักงานกลับพูดจาบ่ายเบี่ยงลักษณะไม่ยอมจ่ายเงิน อ้างว่า การถูกยิงตายไม่ใช่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบและผิดกับตอนที่เขาขายประกัน โดยในตอนตัดสินใจทำประกันชีวิตกับบริษัทดังกล่าว นายอธิวัฒน์ ได้สอบถามรายละเอียดชัดเจนว่าหากผู้เอาประกันถูกยิงตายจะได้รับการคุ้มครองหรือไม่ พนักงานก็ยืนยันว่า จะได้รับการคุ้มครอง 100 เปอร์เซนต์ และยังมีการระบุในเอกสารชัดเจน อย่างไรก็ตาม เมื่อเสร็จสิ้นจากการจัดงานศพ นายอธิวัฒน์ ตนจะติดตามเรื่องนี้อีกครั้งและคงทำให้ตนยุ่งยากต่อไปอีก ส่วนอาชีพนักข่าวที่ตนเป็นคนคอยช่วยเหลือสามีอยู่ตลอดนั้นจะเป็นผู้สานต่อทำหน้าที่นี้ต่อไป นางพรพิมล กล่าวอย่างเข้มแข็ง
ทางด้าน พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ตำรวจได้นำศพ นายอธิวัฒน์ ไปผ่าเอาหัวกระสุนที่อยู่ในร่างกายอีก 1 หัว พบว่า เป็นหัวกระสุนที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก และจากการตรวจสอบในเบื้องเป็นหัวกระสุนปืนขนาด .38 ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้นมีความคืบหน้าไปมากแล้วและมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดเพราะเกรงจะเสียรูปคดีและคนร้ายจะไหวตัวทัน รับรองว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการทำงานของตำรวจนั้นมีความคืบหน้าจนสามารถตัดประเด็นปลีกย่อยออกไปเหลือเพียงประเด็นเดียวและมาจากการปฏิบัติหน้าที่นักข่าวของนายอธิวัฒน์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบกลุ่มมือปืนและผู้บงการเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเท่านั้นคาดว่าจะสามารถเสนอขอหมายจับกุมคนร้ายในชุดแรก ซึ่งเป็นทีมสังหารได้ภายในวันสองวันนี้อย่างแน่นอน
“โดยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมามาติดขัดอยู่เรื่องกระสุนปืนที่ใช้สังหารนายอธิวัฒน์ ว่าเป็นขนาด .38 หรือ 32 กันแน่ ดังนั้น ตำรวจจึงตัดสินใจขอนำศพนายอธิวัฒน์ ไปผ่าเอาหัวกระสุนปืนที่อยู่ในร่างกายของนายอธิวัฒน์ ซึ่งเป็นหัวกระสุนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยพบว่าเป็นกระสุนปืนขนาด .38 ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนอย่างหนักจนสามารถจำกัดกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้แล้ว และพบการวางแผนอย่างแยบยลหลายชั้น แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้แล้วเช่นกัน” แหล่งข่าวกล่าว
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหาร นายอธิวัฒน์ หรือ แวว ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัว ขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับครอบครัวที่กำลังเดินทางกลับบ้าน อย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจตั้งประเด็นการสอบสวนสาเหตุการสังหารไว้ 2-3 ประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการขุดคุ้ยและเสนอข่าวความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้ง และบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเรื่องการนำเสนอข่าวในประเด็นที่เกี่ยวพันกับข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง
ความคืบหน้าเมื่อวันนี้ (5 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคืนที่ผ่านมา พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.ว.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคม ผู้บริหารหนังสือพิมพ์มติชน ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ นายอธิวัฒน์ โดยมีเพื่อนๆ นักข่าวจากในจังหวัดนครศรีธรรมราช จากส่วนกลาง และในภาคใต้จำนวนมากเดินทางไปร่วมงาน โดยมี นางพรพิไมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของ นายอธิวัฒน์ นำน้อง “น้ำหวาน” อายุ 15 ปี เรียนอยู่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ชั้น ม. 3 และ “น้องแก้ว” อายุ 10 ขวบ เรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลจังหวัดนครศรีธรรมราช “ณ.นครอุทิศ” ชั้น ป.3 บุตรสาวและบุตรชายมาคอยต้อนรับแขก
“เพื่อนๆ นักข่าวได้เรียกน้องน้ำหวาน และน้องแก้ว มาพูดคุยปลอบใจและให้กำลังใจ พร้อมสอบถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร น้องน้ำหวาน ตอบทันทีว่า “อยากเป็นผู้พิพากษา” ในขณะนี้ น้องแก้ว ตอบว่า “อยากเป็นนักข่าว" เหมือนพ่อ บรรดานักข่าวจึงบอกว่าเป็นนักข่าวต้องลำบาก และเหนื่อย และเสี่ยงชีวิตเหมือนพ่อไม่กลัวหรือ น้องแก้วถามกลับทันทีว่าไม่กลัว เพราะชอบมานานแล้ว แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตและต้องเสียชีวิตเหมือนพ่อก็ไม่กลัวและไม่เปลี่ยนใจจะเป็นนักข่าวให้ได้”
ในขณะที่ นางพรพิมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของนายอธิวัฒน์ กล่าวว่า สามีรักลูกมากๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกปองร้อยก็ได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งในวงเงินคุ้มครอง 3 ล้านบาท โดยจ่ายค่าเบี้ยประกันเป็นรายเดือน และระบุ ผู้รับผลประโยชน์ คือ บุตรทั้งสองคน หลังจากทำประกัน นายอธิวัฒน์ ได้พูดว่าแม้จะต้องถูกฆ่าตายก็หมดห่วงแล้ว เพราะได้เตรียมการไว้ให้ลูกๆ แล้วและลูกๆ คงไม่ลำบากแน่
“เมื่อวานนี้ ตนได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับบริษัทประกันชีวิตที่ นายอธิวัฒน์ ทำประกันชีวิตเอาไว้ แจ้งเรื่องที่ นายอธิวัฒน์ ถูกยิงเสียชีวิตให้ทราบ แต่พนักงานกลับพูดจาบ่ายเบี่ยงลักษณะไม่ยอมจ่ายเงิน อ้างว่า การถูกยิงตายไม่ใช่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบและผิดกับตอนที่เขาขายประกัน โดยในตอนตัดสินใจทำประกันชีวิตกับบริษัทดังกล่าว นายอธิวัฒน์ ได้สอบถามรายละเอียดชัดเจนว่าหากผู้เอาประกันถูกยิงตายจะได้รับการคุ้มครองหรือไม่ พนักงานก็ยืนยันว่า จะได้รับการคุ้มครอง 100 เปอร์เซนต์ และยังมีการระบุในเอกสารชัดเจน อย่างไรก็ตาม เมื่อเสร็จสิ้นจากการจัดงานศพ นายอธิวัฒน์ ตนจะติดตามเรื่องนี้อีกครั้งและคงทำให้ตนยุ่งยากต่อไปอีก ส่วนอาชีพนักข่าวที่ตนเป็นคนคอยช่วยเหลือสามีอยู่ตลอดนั้นจะเป็นผู้สานต่อทำหน้าที่นี้ต่อไป นางพรพิมล กล่าวอย่างเข้มแข็ง
ทางด้าน พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ตำรวจได้นำศพ นายอธิวัฒน์ ไปผ่าเอาหัวกระสุนที่อยู่ในร่างกายอีก 1 หัว พบว่า เป็นหัวกระสุนที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก และจากการตรวจสอบในเบื้องเป็นหัวกระสุนปืนขนาด .38 ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้นมีความคืบหน้าไปมากแล้วและมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดเพราะเกรงจะเสียรูปคดีและคนร้ายจะไหวตัวทัน รับรองว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการทำงานของตำรวจนั้นมีความคืบหน้าจนสามารถตัดประเด็นปลีกย่อยออกไปเหลือเพียงประเด็นเดียวและมาจากการปฏิบัติหน้าที่นักข่าวของนายอธิวัฒน์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบกลุ่มมือปืนและผู้บงการเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเท่านั้นคาดว่าจะสามารถเสนอขอหมายจับกุมคนร้ายในชุดแรก ซึ่งเป็นทีมสังหารได้ภายในวันสองวันนี้อย่างแน่นอน
“โดยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมามาติดขัดอยู่เรื่องกระสุนปืนที่ใช้สังหารนายอธิวัฒน์ ว่าเป็นขนาด .38 หรือ 32 กันแน่ ดังนั้น ตำรวจจึงตัดสินใจขอนำศพนายอธิวัฒน์ ไปผ่าเอาหัวกระสุนปืนที่อยู่ในร่างกายของนายอธิวัฒน์ ซึ่งเป็นหัวกระสุนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยพบว่าเป็นกระสุนปืนขนาด .38 ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนอย่างหนักจนสามารถจำกัดกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้แล้ว และพบการวางแผนอย่างแยบยลหลายชั้น แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้แล้วเช่นกัน” แหล่งข่าวกล่าว
