นครศรีธรรมราช - ตำรวจเต้นคดีสังหารนักข่าวมติชน ผบช.ภ.8 ส่งมือสืบสวนลงพื้นที่สมาคมนักข่าว-นัก นสพ.ไทย เตรียมออกแถลงการณ์-ส.ส.พื้นที่บี้ตำรวจเร่งล่าชมรมนักข่าวนครศรีฯ เตรียมร้องมหาดไทยหามาตรการความปลอดภัยในชีวิต
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหาร นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัวขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับครอบครัวที่กำลังเดินทางกลับบ้าน อย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าวันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสังหาร นายอธิวัฒน์ ได้กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางของย่านสภากาแฟต่างๆ และมีการวิพากษ์ถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุ ส่วนที่บ้านพักของนายอธิวัฒน์ที่เป็นจุดเกิดเหตุ นางพรพิมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้าได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พล.ต.ต.กระจ่าง รับทราบ โดยนางพรพิมล ภรรยา กล่าวว่า นายอธิวัฒน์ รู้ตัวว่าในช่วงนี้มีคนปองร้าย และได้ระมัดระวังตัวตลอดโดยไม่ยอมออกไปทำข่าวที่ใหนเลย และอยู่บ้านตลอดส่วนสาเหตุนั้น ตนมั่นใจว่า มาจากการนำเสนอข่าว และไปขัดผลประโยชน์กับกลุ่มการเมืองท้องถิ่นและข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ซึ่งผู้ตายได้ไปแจ้งกับผู้บัญชาการภาค 8 และตำรวจกองปราบก่อนหน้าที่จะพบจุดจบว่าหากตัวเองเป็นอะไรไปในช่วงนี้ก็มาจาก 2 สาเหตุนี้ไม่มีเรื่องอื่น จนกระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้น
พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวหลังจากสอบถามข้อมูลจากนางพรพิมล ว่า จากการสอบปากคำภรรยาผู้ตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจและตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆ จำนวนหนึ่งแล้วนั้น ในส่วนของสาเหตุก็ได้ให้น้ำหนักไปที่เรื่องของการขัดแย้งกับข้าราชการระดับสูงเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวและประเด็นอื่นๆ เราก็ไม่ได้ตัดทิ้ง และเรื่องนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรแห่งชาติก็ได้สั่งกำชับให้ดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งทางตำรวจในพื้นที่เองก็ได้ประสานกับตำรวจภูธรภาค8ในการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนในประเด็นที่ตั้งไว้ หลักๆ 2 ประเด็น เพื่อถือเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์และสะเทือนขัวญของประชาชนที่มีการฆ่าผู้สื่อข่าวในเรื่องของการนำเสนอข่าวเช่นนี้ ซึ่งทางตำรวจเองก็กำลังสืบอย่างเต็มที่แล้ว
พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ประเด็นสาเหตุนั้นมีการสอบสวนในเรื่องของการโกรธเคืองกับใครหรือไม่นั้น ปรากฏว่า ไม่พบความขัดแย้งกับใคร ทางตำรวจพุ่งเป้าไปที่การนำเสนอข่าวที่ไปกระทบกับชื่อเสียงและผลประโยชน์ของบุคคลคนหนึ่ง
“มือปืนที่ก่อเหตุนั้นมีประสบการณ์มากอยู่ในขั้นมืออาชีพ หรือขั้นรับจ้าง จากพฤติกรรมการก่อเหตุดูเหมือนว่าจะนิ่งมาก ยิงแบบประชิดและหวังผล ซึ่งทางตำรวจยังไม่ได้กำหนดกลุ่มมือปืนว่ามาจากกลุ่มใด”
อย่างไรก็ตาม ในด้านคดีผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ รอง ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.รณพงศ์ ทรายแก้ว รอง ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.ภ.8 นำกำลังชุดสืบสวนจำนวนมากลงพื้นที่ โดย พล.ต.ต.สัณฐาน ได้เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกระดับในการทำคดีเข้าประชุมเพื่อหาแนวทางในการคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วน
ด้าน นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขานุการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนได้เห็นข่าวที่เกิดขึ้นและได้โทรศัพท์มาสอบถามเพื่อนผู้สื่อข่าวในพื้นที่นคร และตนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของสมาคมเพื่อออกเป็นแถลงการณ์ในนามของสมาคม เพื่อเป็นการกดดันให้ตำรวจได้จับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เพราะถือเป็นการกระทบต่อขัวญกำลังใจของผู้สื่อข่าว และตนจะหารือกับสมาคมถึงมาตรการที่จะให้การดูแลผู้สื่อข่าวเพราะที่ผ่านมาระยะหลังผู้สื่อข่าวทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคถูกคุกคามชีวิตมากขึ้น ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว อย่างกรณีของนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ตอนนี้ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ต่างก็หวาดผวากันหมดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมองกันว่าคิวต่อไปจะเป็นใคร ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อขัวญและกำลังใจในการทำงานทางสมาคมฯจะต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้ให้มาก
ด้านนายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เหตุการณ์คนร้ายบุกยิงนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน นับเป็นการคุกคามต่อสื่อมวลชนครั้งร้ายแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่ง และถือว่า อุกอาจสะเทือนขวัญที่สุดในรอบ 20 ปี ของ จ.นครศรีธรรมราช จากการติดตามตรวจสอบสาเหตุในเบื้องต้น ทราบว่า อาจมาจากหลายสาเหตุ แต่ล้วนเกี่ยวโยงกับการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวของ นายอธิวัฒน์ ทั้งสิ้น จึงขอประณามผู้ก่อเหตุครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทั้งตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชและตำรวจภูธรภาค 8 เร่งสืบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
“เหตุร้ายครั้งนี้กระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างมาก เสียหายต่อการลงทุน การท่องเที่ยว และการพัฒนาด้านต่างๆ ในระยะยาว ดังนั้น ทุกภาคส่วนในจังหวัดจะต้องแสดงออกร่วมกันในการหาทางป้องกันไม่ให้เหตุร้ายลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก” ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าว
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า เหตุการณ์คุกคามเอาชีวิตผู้สื่อข่าวเกิดขึ้นถี่กระชั้นมากขึ้นในระยะหลัง โดยที่ตำรวจไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก ก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุคนร้ายไล่ยิงผู้สื่อข่าวมติชนประจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยสาเหตุมาจากการเสนอข่าวขุดคุ้ยเปิดโปงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือกรณีคนร้ายบุกยิงผู้สื่อข่าวมติชนประจำ จ.พังงา ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปิดโปงกลุ่มนายทุนบุกรุกป่า เป็นต้น เหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ในระยะ 7-8 ปี ที่ผ่านมา มีมากกว่า 40 คดี ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวในส่วนภูมิภาคตกอยู่ในสภาพไร้หลักประกัน ต้องคอยระวังภัยด้วยตนเอง และเมื่อไม่ทันระวังตัวก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าสลด
“การคุกคามทำร้ายนักข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถือเป็นเพียงคดีอาชญากรรมปกติธรรมดาไม่ได้ เพราะถ้าไม่สืบสวนติดตามหาตัวคนร้ายอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่นานเรื่องก็เงียบหาย คนร้ายลอยนวล นักข่าวก็ตกเป็นเหยื่อรายแล้วรายเล่าไม่มีที่สิ้นสุด ขณะเดียวกัน นักข่าว สื่อมวลชน ก็เสียขวัญไม่อาจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามหลักการแห่งวิชาชีพได้” นายอภิชาต กล่าว
ขณะที่ นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานชมรมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของผู้สื่อข่าวทุกคนในนครศรีธรรมราชนั้นอยู่ในอาการหวาดผวา และวิตกว่าการคุกคามต่อชีวิตเช่นนี้จะมาถึงคนอื่นๆเป็นรายต่อไป ซึ่งแนวทางต่อไปของชมรมนั้นจะมีการหารือถึงทิศทางเพื่อทำหนังสือไปถึงทุกส่วนทั้งในส่วนของมหาดไทยและส่วนของตำรวจ เพื่อหามาตรการในการป้องกันชีวิตของกลุ่มผู้สื่อข่าว
ทางด้าน นายสิริวัฒน์ ไกรสินธ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของครอบครัวนายอธิวัฒน์นั้นถือว่าขาดเสาหลักไปโดยทันที เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ และช่วงนี้กำลังประสานงานเพื่อหาช่องทางในการหาอาชีพที่มั่นคงให้กับภรรยาของ นายอธิวัฒน์ เพื่อจะได้เป็นเสาหลักของครอบครัวแทนนายอธิวัฒน์ที่ต้องเสียชีวิตไป
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหาร นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัวขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับครอบครัวที่กำลังเดินทางกลับบ้าน อย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าวันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสังหาร นายอธิวัฒน์ ได้กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางของย่านสภากาแฟต่างๆ และมีการวิพากษ์ถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุ ส่วนที่บ้านพักของนายอธิวัฒน์ที่เป็นจุดเกิดเหตุ นางพรพิมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้าได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พล.ต.ต.กระจ่าง รับทราบ โดยนางพรพิมล ภรรยา กล่าวว่า นายอธิวัฒน์ รู้ตัวว่าในช่วงนี้มีคนปองร้าย และได้ระมัดระวังตัวตลอดโดยไม่ยอมออกไปทำข่าวที่ใหนเลย และอยู่บ้านตลอดส่วนสาเหตุนั้น ตนมั่นใจว่า มาจากการนำเสนอข่าว และไปขัดผลประโยชน์กับกลุ่มการเมืองท้องถิ่นและข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ซึ่งผู้ตายได้ไปแจ้งกับผู้บัญชาการภาค 8 และตำรวจกองปราบก่อนหน้าที่จะพบจุดจบว่าหากตัวเองเป็นอะไรไปในช่วงนี้ก็มาจาก 2 สาเหตุนี้ไม่มีเรื่องอื่น จนกระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้น
พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวหลังจากสอบถามข้อมูลจากนางพรพิมล ว่า จากการสอบปากคำภรรยาผู้ตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจและตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆ จำนวนหนึ่งแล้วนั้น ในส่วนของสาเหตุก็ได้ให้น้ำหนักไปที่เรื่องของการขัดแย้งกับข้าราชการระดับสูงเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวและประเด็นอื่นๆ เราก็ไม่ได้ตัดทิ้ง และเรื่องนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรแห่งชาติก็ได้สั่งกำชับให้ดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งทางตำรวจในพื้นที่เองก็ได้ประสานกับตำรวจภูธรภาค8ในการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนในประเด็นที่ตั้งไว้ หลักๆ 2 ประเด็น เพื่อถือเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์และสะเทือนขัวญของประชาชนที่มีการฆ่าผู้สื่อข่าวในเรื่องของการนำเสนอข่าวเช่นนี้ ซึ่งทางตำรวจเองก็กำลังสืบอย่างเต็มที่แล้ว
พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ประเด็นสาเหตุนั้นมีการสอบสวนในเรื่องของการโกรธเคืองกับใครหรือไม่นั้น ปรากฏว่า ไม่พบความขัดแย้งกับใคร ทางตำรวจพุ่งเป้าไปที่การนำเสนอข่าวที่ไปกระทบกับชื่อเสียงและผลประโยชน์ของบุคคลคนหนึ่ง
“มือปืนที่ก่อเหตุนั้นมีประสบการณ์มากอยู่ในขั้นมืออาชีพ หรือขั้นรับจ้าง จากพฤติกรรมการก่อเหตุดูเหมือนว่าจะนิ่งมาก ยิงแบบประชิดและหวังผล ซึ่งทางตำรวจยังไม่ได้กำหนดกลุ่มมือปืนว่ามาจากกลุ่มใด”
อย่างไรก็ตาม ในด้านคดีผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ รอง ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.รณพงศ์ ทรายแก้ว รอง ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.ภ.8 นำกำลังชุดสืบสวนจำนวนมากลงพื้นที่ โดย พล.ต.ต.สัณฐาน ได้เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกระดับในการทำคดีเข้าประชุมเพื่อหาแนวทางในการคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วน
ด้าน นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขานุการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนได้เห็นข่าวที่เกิดขึ้นและได้โทรศัพท์มาสอบถามเพื่อนผู้สื่อข่าวในพื้นที่นคร และตนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของสมาคมเพื่อออกเป็นแถลงการณ์ในนามของสมาคม เพื่อเป็นการกดดันให้ตำรวจได้จับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เพราะถือเป็นการกระทบต่อขัวญกำลังใจของผู้สื่อข่าว และตนจะหารือกับสมาคมถึงมาตรการที่จะให้การดูแลผู้สื่อข่าวเพราะที่ผ่านมาระยะหลังผู้สื่อข่าวทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคถูกคุกคามชีวิตมากขึ้น ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว อย่างกรณีของนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ตอนนี้ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ต่างก็หวาดผวากันหมดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมองกันว่าคิวต่อไปจะเป็นใคร ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อขัวญและกำลังใจในการทำงานทางสมาคมฯจะต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้ให้มาก
ด้านนายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เหตุการณ์คนร้ายบุกยิงนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน นับเป็นการคุกคามต่อสื่อมวลชนครั้งร้ายแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่ง และถือว่า อุกอาจสะเทือนขวัญที่สุดในรอบ 20 ปี ของ จ.นครศรีธรรมราช จากการติดตามตรวจสอบสาเหตุในเบื้องต้น ทราบว่า อาจมาจากหลายสาเหตุ แต่ล้วนเกี่ยวโยงกับการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวของ นายอธิวัฒน์ ทั้งสิ้น จึงขอประณามผู้ก่อเหตุครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทั้งตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชและตำรวจภูธรภาค 8 เร่งสืบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
“เหตุร้ายครั้งนี้กระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างมาก เสียหายต่อการลงทุน การท่องเที่ยว และการพัฒนาด้านต่างๆ ในระยะยาว ดังนั้น ทุกภาคส่วนในจังหวัดจะต้องแสดงออกร่วมกันในการหาทางป้องกันไม่ให้เหตุร้ายลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก” ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าว
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า เหตุการณ์คุกคามเอาชีวิตผู้สื่อข่าวเกิดขึ้นถี่กระชั้นมากขึ้นในระยะหลัง โดยที่ตำรวจไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก ก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุคนร้ายไล่ยิงผู้สื่อข่าวมติชนประจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยสาเหตุมาจากการเสนอข่าวขุดคุ้ยเปิดโปงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือกรณีคนร้ายบุกยิงผู้สื่อข่าวมติชนประจำ จ.พังงา ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปิดโปงกลุ่มนายทุนบุกรุกป่า เป็นต้น เหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ในระยะ 7-8 ปี ที่ผ่านมา มีมากกว่า 40 คดี ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวในส่วนภูมิภาคตกอยู่ในสภาพไร้หลักประกัน ต้องคอยระวังภัยด้วยตนเอง และเมื่อไม่ทันระวังตัวก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าสลด
“การคุกคามทำร้ายนักข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถือเป็นเพียงคดีอาชญากรรมปกติธรรมดาไม่ได้ เพราะถ้าไม่สืบสวนติดตามหาตัวคนร้ายอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่นานเรื่องก็เงียบหาย คนร้ายลอยนวล นักข่าวก็ตกเป็นเหยื่อรายแล้วรายเล่าไม่มีที่สิ้นสุด ขณะเดียวกัน นักข่าว สื่อมวลชน ก็เสียขวัญไม่อาจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามหลักการแห่งวิชาชีพได้” นายอภิชาต กล่าว
ขณะที่ นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานชมรมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของผู้สื่อข่าวทุกคนในนครศรีธรรมราชนั้นอยู่ในอาการหวาดผวา และวิตกว่าการคุกคามต่อชีวิตเช่นนี้จะมาถึงคนอื่นๆเป็นรายต่อไป ซึ่งแนวทางต่อไปของชมรมนั้นจะมีการหารือถึงทิศทางเพื่อทำหนังสือไปถึงทุกส่วนทั้งในส่วนของมหาดไทยและส่วนของตำรวจ เพื่อหามาตรการในการป้องกันชีวิตของกลุ่มผู้สื่อข่าว
ทางด้าน นายสิริวัฒน์ ไกรสินธ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของครอบครัวนายอธิวัฒน์นั้นถือว่าขาดเสาหลักไปโดยทันที เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ และช่วงนี้กำลังประสานงานเพื่อหาช่องทางในการหาอาชีพที่มั่นคงให้กับภรรยาของ นายอธิวัฒน์ เพื่อจะได้เป็นเสาหลักของครอบครัวแทนนายอธิวัฒน์ที่ต้องเสียชีวิตไป