ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการนำเครื่องเอกซเรย์ มาใช้ในการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อสามารถรองรับการตรวจสอบสินค้าที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นในอนาคต เพิ่มประสิทธิภาพในด้านการป้องกันและปราบปราม
วันนี้ (23 ก.ค.) นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการศุลกากร ภาคที่ 4 และ นายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดระบบตรวจสอบตู้สินค้า ด้วยเครื่องเอกซเรย์ แบบถอดย้ายได้ หรือ Relocatable ณ ด่านศุลกากรสะเดา โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากส่วนราชการต่างๆ แขกผู้มีเกียรติจากภาคเอกชน รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมในพิธีเปิดโครงการดังกล่าว
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า สำหรับเครื่องเอกซเรย์ ณ ด่านศุลกากรสะเดา แห่งนี้ เป็นระบบตรวจสอบที่สามารถถอดย้ายได้ ซึ่งมีความเร็วในการตรวจสอบ 3 นาที / 1 ตู้สินค้า และมีความปลอดภัย 100% การนำระบบดังกล่าวมาช่วยในการปฏิบัติงานกรมศุลกากร เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และการอำนวยความสะดวกในการให้บริการทางศุลกากร เนื่องจากการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ในระบบเดิมจะใช้เวลา 45 นาที ต่อหนึ่งตู้สินค้า ระบบนี้จึงสามารถรองรับการตรวจสอบสินค้าที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นในอนาคต และเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการป้องกันและปราบปรามเป็นสำคัญด้วย
จากการทดลองนำระบบใหม่ดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน พบว่า สามารถตรวจสอบไม้พยุงที่จะนำออกนอกประเทศได้จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่านับหลายล้านบาท และยังพบว่าจุดดังกล่าวยังมีการลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิง มาจากมาเลเซียจำนวนมากด้วย
สำหรับประโยชน์ของเครื่องเอกซเรย์ นี้ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จะสามารถแก้ปัญหาการลักลอบขนสินค้าหลบหนีด่านศุลกากร และยังสามารถจัดเก็บเงินภาษีเข้ารัฐตามที่กำหนด ที่สำคัญ เป็นการยกระดับการบริการและการตรวจสอบสินค้าและวัสดุต่างๆ ที่จะผ่านเข้าออกประเทศ ตามมาตรฐานของยุโรปที่ได้กำหนดให้ด่านศุลกากรทั่วโลกนำเครื่องเอ็กซเรย์ดังกล่าวไปใช้เพื่อเสริมศักยภาพของตนเอง
ด่านศุลกากรสะเดา เป็นด่านศุลกากรทางบกระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ที่มีความสำคัญ และเป็นด่านพรมแดนทางบกที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ มีมูลค่าสินค้านำเข้า-ส่งออกปีหนึ่งกว่า 2 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มจะมีมูลค่าสูงขึ้นร้อยละ 20 ทุกปี ตามความเจริญเติบโตและความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ด่านพรมแดนยังมีนักท่องเที่ยวผ่านเข้า-ออก เป็นจำนวนมากเฉลี่ยปีละ 5 ล้านคน สามารถนำเงินตราเข้าประเทศเป็นจำนวนมหาศาล จึงถือได้ว่าเป็นประตูเศรษฐกิจที่สำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคใต้และของประเทศ
ส่วนระบบตรวจสอบเครื่องเก่า จะมีการส่งมอบให้ด่านศุลกากรสงขลาที่ ท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา เพื่อใช้ตรวจสอบสินค้าที่ขนส่งมาทางทะเลต่อไป