xs
xsm
sm
md
lg

โจ๋ขาใหญ่เมืองคอนบวชเป็นพระนำสมุนมั่วยาขมขู่พระหนีย้ายวัดหวิดวางมวยกับชาวบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช – วันเข้าพรรษาชาวบ้านยกพลกว่า 300 คน ปิดล้อมศาลาการเปรียญ ไล่พระกร่าง อดีตขาใหญ่บวชแค่ 10 วันพาสมุนยึดวัดมั่วสุมเสพยาเสพติด พระภิกษุหนีย้ายวัด

เรื่องราวฉาวโฉ่ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนารายนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.ค.51 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดท่าช้าง หมู่ 2 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช พระภิกษุซึ่งเป็นพระลูกวัดท่าช้าง จำนวน 6 รูป ได้ขอให้ญาติโยมช่วยมารับออกจากวัด เพื่อไปจำพรรษาที่วัดอื่นๆ เนื่องจากไม่สามารถอยู่จำพรรษาที่วัดท่าช้างได้ เพราะถูกก่อกวน ข่มขู่ และปองร้ายจากกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นลูกน้องของพระชัยวุฒิ สัจจะโภชน์ หรือ"พระโอ๊ด" หากยังจำพรรษาที่วัดท่าช้างเกรงว่าจะไม่สามารถปฏิบัติธรรมตามความประสงค์ได้ และไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

หลังจากญาติโยมของพระภิกษุทั้ง 6 รูปทราบข่าวได้เดินทางมารับพระภิกษุทั้ง 6 รูปออกจากวัดไปทันทีโดยแยกย้ายกันไปจำพรรษาที่วัดอื่นๆ ในวัดจึงยังเหลือเฉพาะพระชัยวุฒิ หรือ"พระโอ๊ด"เพียงรูปเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากชาวบ้านทั้งในท้องที่หมู่ 2 ต.นาพรุ และ หมู่ 10 ต.ช้างซ้าย และพื้นที่ข้างเคียงทราบข่าวว่าพระภิกษุเกือบทั้งหมดของวัดท่าช้างต้องอพยพหลบหนีไปจำพรรษาที่วัดอื่นๆ โดยสาเหตุมาจากเกรงกลัวอิทธิพลของพระชัยวุฒิ ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากไม่พอใจเดินทางมารวมกันที่วัดท่าช้างกว่า 300 คน โดยมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นาพรุ และ หมู่ 10 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม เป็นแกนนำ

ในขณะเดียวกันได้มีการทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะสงฆ์ พร้อมล่ารายชื่อได้กว่า 200 รายชื่อ แนบต่อท้ายหนังสือร้องเรียนไปด้วย โดยมีข้อเสนอ 3 ข้อ คือให้มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่แทนคนเดิมที่ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ 2 .ให้พระชัยวุฒิ หรือพระโอ๊ด ย้ายไปจำพรรษาที่อื่น และ 3.ขอให้คณะสงฆ์หาพระภิกษุมาจำพรรษาที่วัดท่าช้างเพื่อให้พุทศาสนิกชนสามารถเข้ามาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในช่วงเข้าพรรษาได้

นายภักดี วิมลทรง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม แกนนำชาวบ้าน กล่าวเปิดเผยว่า วัดท่าช้าง เป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมาตั้งแต่โบราณ แต่หลังจากที่พระครูสุตธรรมโกศล เจ้าอาวาสเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศโดยไม่ได้ลาออกจากเจ้าอาวาสหรือมอบหมายแต่งตั้งให้พระภิกษุรูปใดเป็นผู้ทำการแทนเจ้าอาวาส ส่งผลให้วัดท่าช้างทรุดโทรมอย่างหนักจนเหมือนเป็นวัดร้าง เพราะไม่มีพระภิกษุจำพรรษาเลยแม้แต่รูปเดียว ต่อมาได้มีพระจบ มาจำพรรษาที่วัดท่าช้าง 1 รูปแต่ก็ไม่มีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้นในช่วงวันสำคัญที่ชาวบ้านเข้าวัดทำบุญกันมากๆ เช่นทอดผ้าป่า หรือช่วงเทศกาลเดือนสิบ พระครูสุตธรรมโกศล เจ้าอาวาสจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และรวบรวมเงินทำบุญของวัดที่ได้ก่อนเดินทางกลับต่างประเทศเหมือนเดิม

"ต่อมาในช่วงก่อนเข้าพรรษาบุตรหลานของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงจำนวน 5 คนได้อุปสมบท เพื่อจำพรรษาในช่วงเข้าพรรษานี้ ในจำนวนนั้นมีพระชัยวุฒหรือพระโอ๊ต สัจจะโภชน์ อายุ 27 ปี อุปสมบทด้วยเมื่อ10 กว่าวันที่ผ่านมานี้เอง แต่เนื่องจากพฤติกรรมก่อนบวชของพระชัยวุฒิ มีความประพฤติไม่เรียบร้อยสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนในหมู่บ้านมาตลอด มีวัยรุ่นจำนวนมากเป็นลูกน้อง เมื่อบวชเป็นพระในแต่ละคืนจึงมีวัยรุ่นเพื่อนๆ และลูกน้องของพระชัยวุฒิ จำนวนมากแห่มามั่วสุมเสพยาเสพติดกันภายในวัด ทำให้พระภิกษุรูปอื่นๆ ไม่พอใจพระชัยวุฒิ และกลุ่มวัยรุ่นเป็นอย่างมาก "

นายภักดี กล่าวอีกว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2551 ที่ผ่านมาตนจึงร้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้นายอำเภอพระพรหม จ.นครศรีธรรมราช จนในที่สุดนายอำเภอพระพรหม จึงประสานให้ชุด ฉก.ศรีวิชัย นำกำลังเข้ามาตรวจค้นภายในวัดก็พบบ้องกัญชา เขียง มีดหั่นกัญชา ซุกซ่อนอยู่ในกุฏิร้างข้างกุฏิของพระชัยวุฒิ แต่ไม่มีใครยอมรับว่าอุปกรณ์การเสพกัญชาดังกล่าวเป็นของผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถเอาผิดใครได้

จนกระทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา กลุ่มวัยรุ่น จำนวนมากได้ยกกำลังเข้ามาในวัดท่าช้าง แยกย้ายกันออกก่อกวน ขว้างปาถล่มกุฎิของพระภิกษุทุกรูป พร้อมทั้งข่มขู่ทำลายทรัพย์สินของวัดและของพระภิกษุ จนผู้ใหญ่บ้านต้องขอกำลังตำรวจเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยภายในวัดตลอดทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งเช้าพระภิกษุทุกรูปต้องอพยพหลบหนีออกจากวัดไปจำพรรษาที่อื่น เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกปองร้ายจากกลุ่มวัยรุ่นพรรคพวกของพระชัยวุฒิเรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมากจึงมารวมตัวกันขับไล่พระชัยวุฒิ ให้คณะสงฆ์ทำการสึกพระชัยวุฒิ หรือให้พระชัยวุฒิย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่น

ต่อมาในเวลา 14 .30 น.วานนี้ (17 ก.ค.) พระธีระวัฒน์ เถรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดหนองแตนและเจ้าคณะตำบลนาพรุ อ.พระพรหม ได้เดินทางมายังวัดท่าช้าง เรียกคณะกรรมการวัด ตัวแทนชาวบ้าน พร้อมทั้งพระชัยวุฒิ หรือพระโอ๊ด เข้าไปสอบสวนเรื่องราวข้อเท็จจริง ภายในศาลาการเปรียญ โดยปิดประตูไม่ให้คนที่ไม่เข้าข้องเข้าไปด้านใน โดยในระหว่างที่เจ้าคณะตำบลสอบถามข้อมูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นพระชัยวุฒิ จะคอยตอบโต้ขัดจังหวะอย่างดุเดือดอย่างไม่เกรงใจ และมีอาการเกรียวกราด ขบเขี้ยวเคียวฟันและชี้หน้าฝ่ายตัวแทนชาวบ้านอย่างอาฆาตมาดร้าย

นอกจากนี้ยังลุกขึ้นเดินวนไปเวียนมาไปพูดคุยสั่งการกับวัยรุ่นพรรคพวกของตัวเองที่อยู่นอกศาลาการเปรียญอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มชาวบ้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างแสดงความไม่พอใจพระชัยวุฒิ ที่ไม่อยู่ในอาการสำรวมจึงฮือปิดล้อมศาลาการเปรียญพร้อมส่งเสียงไชโยโห่ร้องขับไล่ พระชัยวุฒิเสียงดังลั่นไปทั้งวัด สถานการณ์ตึงเครียดอย่างหนักจนต้องขอกำลังตำรวจและกำลังฝ่ายปกครองเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยภายในวัดตลอดเวลา

พระธีระวัฒน์ เจ้าคณะตำบลพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้พระชัยวูฒิ เห็นแก่ความสงบเรียบร้อยและพระศาสนา โดยให้ยินยอมย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่นๆ แต่พระชัยวุฒิ ไม่ยินยอมโดยอ้างว่าหากยอมทำตามข้อเสนอเท่ากับว่าตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซึ่งยอมไม่ได้เด็ดขาด จนทำให้เกิดการโต้เถียง ชี้หน้ากันอีกรอบระหว่างพระชัยวุฒิ และตัวแทนชาวบ้าน จนหวิดจะมีการวางมวยกันกลางศาลาการเปรียญต่อหน้าเจ้าคณะตำบล ทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

"หลังจากเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงเจ้าคณะตำบล คณะกรรมการวัด โดยเฉพาะโยมพ่อ โยมแม่และญาติๆ ของพระชัยวุฒิ ได้ช่วยกันเกลี้ยกล่อมพระชัยวุฒิ จนในที่สุดพระชัยวุฒิยินยอมย้ายไปจำพรรษากับเจ้าคณะตำบล ที่วัดหนองแตน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องแสดงความดีใจของชาวบ้าน ส่วนข้อเสนออีก 2 ข้อคือให้แต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่แทนพระครูสุตธรรมโกศล ที่เรียนในต่างประเทศนั้นเจ้าคณะตำบลรับเรื่องไปเสนอต่อคณะสงฆ์ในระดับสูงของจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อพิจารณาตัดสินใจต่อไป ส่วนข้อเสนอให้หาพระภิกษุมาจำพรรษาที่วัดท่าช้างในช่วงเข้าพรรษานี้นั้น หลังจากพระชัยวุฒิ ยอมออกจากวัดไปเรียบร้อยแล้วพระภิกษุที่อพยพหนีออกจากวัดท่าช้างทั้ง 6 รูป จะเดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดท่าช้างตามปกติ เรื่องจึงยุติลงอย่างใจหายใจคว่ำ"


กำลังโหลดความคิดเห็น