นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึงการยื่นถอดถอนนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งว่า ฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจร่างคำถอดถอน
ทั้งนี้ แม้เราจะมีการยื่นถอดถอนนายจักรภพ แต่พฤติกรรมของนายจักรภพ ยังไม่หยุดท้าทาย และมีเจตนาฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อีกทั้งล่าสุดจะออกประกาศในลักษณะที่ห้ามการทำข่าวของสื่อรัฐเกี่ยวกับเรื่องปฏิวัติ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาชัดแจ้งที่จะละเมิดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเรื่องนี้สามารถถูกนำมาประกอบการยื่นถอดถอนนายจักรภพได้
ส่วนความคืบหน้าการเตรียมยื่นถอดถอน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม จากปัญหาการสรรหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ล่าช้าเกินกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายสมพงษ์ ได้มอบหนังสือของกระทรวงยุติธรรมให้กับฝ่ายค้าน ซึ่งมีข้อพิรุธ เพราะเอกสารนี้ระบุว่า นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น ทำหนังสือถึงรมว.ยุติธรรม เมื่อวันที่ 25 มี.ค.51 เลยจากกำหนดตามกฎหมาย คือ วันที่ 24 มี.ค.51 แต่ขณะนี้เรามีสิ่งที่ยืนยันว่า เรื่องนี้มีพิรุธจริง คือหนังสือที่ทำโดยสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และลงนามโดยปลัดกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ทำถึงรมว.ยุติธรรม ลงวันที่ 19 มี.ค.51 โดยในหนังสือดังกล่าว อ้างถึงการตั้งคณะกรรมการสรรหา และมีการสรรหาจนมีรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการป.ป.ท. 13 คน และให้รมว.ยุติธรรม ดำเนินการจัดลำดับคัดเลือกให้เหลือ 6 คน
ต่อมารมว.ยุติธรรมได้ลงนามในหนังสือฉบับนี้ วันที่ 19 มี.ค.51 และส่งกลับไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อมา กระทรวงยุติธรรมได้ทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีลงวันที่ 28 มี.ค.51 ทั้งนี้ หนังสือที่ลงวันที่ 25 มี.ค.51 นั้น นายจรัญได้ทำถึงนายสมพงษ์จริง แต่เป็นหนังสือที่ยืนยันตามที่นายสมพงษ์ ตอบกลับไปเพื่อจะประกอบเป็นต้นหนังสือปะหน้าที่จะส่งไปยังครม.
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านจะพิจารณาต่อไป คือ ช่วงเวลาวันที่ 19-24 มี.ค.51 นั้น รมว.ยุติธรรม มีเจตนาใดที่ไม่ทำเรื่องการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวให้จบภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งเรามีข้อพิสูจน์ว่า รมว.ยุติธรรม น่าจะมีเจตนาจงใจฝ่าฝืน เพราะกรณีการสั่งย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปเป็นเลขาธิการป.ป.ท. นายสมพงษ์ อ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะต้องเข้ามาจัดการตามโครงสร้างของป.ป.ท.ให้เสร็จทันตามกฎหมาย แต่เมื่อมีการเลือกคณะกรรมการชุดนี้ เพราะฉะนั้น ฝ่ายค้านจะขอพิจารณาข้อมูลอีก 1-2 วัน เพื่อดูว่า 5 วันที่นายสมพงษ์ได้รับหนังสือนายจรัญนั้น นายสมพงษ์ ติดขัดปัญหาใด หรือไม่ เป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถดำเนินการได้หรือมีเจตนาอื่นที่อาจเข้าข่ายจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
**ไล่"ไชยา" ครบ2หมื่นยื่นปธ.วุฒิ15พ.ค.
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ความคืบหน้าการยื่นถอดถอน นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ภายหลังจากได้เริ่มกระบวนการแสดงตนต่อประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ทางเครือข่าย ได้รวบรวมรายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งครบ 20,000 รายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อประชาชนที่มีหลักฐานครบถ้วน 21,470 รายชื่อ และเป็นผู้ที่มีหลักฐานไม่ครบ เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น อีกเกือบ 200 รายชื่อโดยเบื้องต้นกำหนดจะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา ในช่วงเช้าวันที่ 15 พ.ค.นี้ ซึ่งการรวบรวมรายชื่อครั้งนี้ ถือเป็นกรณีแรกอของรัฐธรรมนูญปี 50
สำหรับขั้นตอนต่อไปภายหลังจากยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิแล้ว ทางวุฒิสภา จะตรวจสอบรายชื่อให้แล้วเสร็จใน 30 วัน จากนั้นส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว จากนั้นคณะกรรมการไต่สวนฯ จะส่งความเห็นกลับมายังประธานวุฒิสภา เพื่อกำหนดวันประชุม และลงคะแนนเสียง หากได้คะแนนเสียง 3 ใน 5 ของสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด จะถือว่านายไชยา ถูกถอดถอนจากตำแหน่งทันที และประธานวุฒิสภา จะแจ้งเรื่องกลับมายังผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อรับทราบ มติการลงคะแนนดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะใช้ไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
น.ส.สารี กล่าวว่า กรณีที่ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบ หากนายไชยา ถูกปรับออกจากตำแหน่งรมว.สาธารณสุข หรือถูกปรับออกจากครม. ตนและเครือข่ายฯ ยืนยันจะเดินหน้าให้มีการตรวจสอบการดำเนินงานของนายไชยาขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยจะไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. โดยตรง หากป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีความผิดจริง ก็จะส่งเรื่องฟ้องต่อศาลอาญา แผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป เช่นเดียวกับกรณีของ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.สาธารณสุข ที่ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์
"หากป.ป.ช. ชี้มูลว่านายไชยา ไม่มีความผิด หรือแม้กระทั่งการโหวตในวุฒิสภา ไม่ได้เสียงเกิน 3 ใน 5 ทำให้กระบวนการถอดถอนล้มเหลว พวกเราคงจะต้องปรึกษาอีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราที่เป็นผู้ริเริ่มถอดถอน จะมีความผิดฐานกล่าวหาเท็จทันที แต่ประชาชนที่ร่วมลงชื่อจะไม่มีความผิด เพราะเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น เพราะข้อกล่าวหากทั้ง 4 ข้อ คือ การทบทวนการดำเนินการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) ทำให้รัฐเสียหายงบประมาณ การประกาศนโยบายของ สธ. ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาล การสั่งโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม และไม่มีผลงานที่จะคุ้มครองสุขภาพของประชาชน ซึ่งทุกข้อกล่าวหาพวกเรามีหลักฐานยืนยันชัดเจน"น.ส.สารี กล่าว
**"ไชยา"ไม่สนถูกยื่นถอดถอน
นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การที่ภาคประชาชนยื่นถอดถอนตนนั้น เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการดำเนินการตามสิทธิที่พึงกระทำ ตนไม่กลัว ไม่รู้จะกลัวทำไม ในเมื่อนักการเมืองอยู่ในที่โล่งแจ้ง ดังนั้น หากใครจะมองว่าผิดก็แล้วแต่ แต่หากจะร้องเรื่องการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ให้ไปร้องนายเกริกไกร จีระแพทย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ทำหนังสือมาให้รัฐบาลชุดใหม่ จึงต้องมีการทบทวนเรื่องซีแอลอย่างรอบคอบ ตนเองก็ทบทวนตามที่แนะนำไว้ ส่วนประเด็นเรื่องการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ตนก็ไม่ได้โยกย้าย แต่เป็นปลัด สธ.เป็นผู้เสนอมา อีกทั้งการโยกย้ายก็ไม่ได้เป็นการย้ายลดระดับ จากซี 10 เป็นซี 9 และ 8 ก็ยังอยู่ในระดับเดิม
"ผมไม่ห่วงอะไร เพราะทำงานบริสุทธิ์ใจไม่ต้องกลัวอะไร อะไรเกิดก็ต้องเกิด คนไทยนิสัยชอบจับผิด ไม่ใช่ชอบจับถูก ชอบดูแต่เรื่องไม่สวยงาม และถ้าให้ประเมินผลงานตัวเอง ผมไม่เป็นที่หนึ่ง และก็ไม่อยู่ที่สุดท้าย อยู่กลางๆ แต่เอแบคโพลล์ให้ผมเป็นที่หนึ่ง ที่มีคนจดจำได้ ส่วนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลังได้ที่สอง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รมว.พาณิชย์ได้ที่สาม ซี่งผมทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว" นายไชยา กล่าว
ทั้งนี้ แม้เราจะมีการยื่นถอดถอนนายจักรภพ แต่พฤติกรรมของนายจักรภพ ยังไม่หยุดท้าทาย และมีเจตนาฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อีกทั้งล่าสุดจะออกประกาศในลักษณะที่ห้ามการทำข่าวของสื่อรัฐเกี่ยวกับเรื่องปฏิวัติ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาชัดแจ้งที่จะละเมิดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเรื่องนี้สามารถถูกนำมาประกอบการยื่นถอดถอนนายจักรภพได้
ส่วนความคืบหน้าการเตรียมยื่นถอดถอน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม จากปัญหาการสรรหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ล่าช้าเกินกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายสมพงษ์ ได้มอบหนังสือของกระทรวงยุติธรรมให้กับฝ่ายค้าน ซึ่งมีข้อพิรุธ เพราะเอกสารนี้ระบุว่า นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น ทำหนังสือถึงรมว.ยุติธรรม เมื่อวันที่ 25 มี.ค.51 เลยจากกำหนดตามกฎหมาย คือ วันที่ 24 มี.ค.51 แต่ขณะนี้เรามีสิ่งที่ยืนยันว่า เรื่องนี้มีพิรุธจริง คือหนังสือที่ทำโดยสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และลงนามโดยปลัดกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ทำถึงรมว.ยุติธรรม ลงวันที่ 19 มี.ค.51 โดยในหนังสือดังกล่าว อ้างถึงการตั้งคณะกรรมการสรรหา และมีการสรรหาจนมีรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการป.ป.ท. 13 คน และให้รมว.ยุติธรรม ดำเนินการจัดลำดับคัดเลือกให้เหลือ 6 คน
ต่อมารมว.ยุติธรรมได้ลงนามในหนังสือฉบับนี้ วันที่ 19 มี.ค.51 และส่งกลับไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อมา กระทรวงยุติธรรมได้ทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีลงวันที่ 28 มี.ค.51 ทั้งนี้ หนังสือที่ลงวันที่ 25 มี.ค.51 นั้น นายจรัญได้ทำถึงนายสมพงษ์จริง แต่เป็นหนังสือที่ยืนยันตามที่นายสมพงษ์ ตอบกลับไปเพื่อจะประกอบเป็นต้นหนังสือปะหน้าที่จะส่งไปยังครม.
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านจะพิจารณาต่อไป คือ ช่วงเวลาวันที่ 19-24 มี.ค.51 นั้น รมว.ยุติธรรม มีเจตนาใดที่ไม่ทำเรื่องการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวให้จบภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งเรามีข้อพิสูจน์ว่า รมว.ยุติธรรม น่าจะมีเจตนาจงใจฝ่าฝืน เพราะกรณีการสั่งย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปเป็นเลขาธิการป.ป.ท. นายสมพงษ์ อ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะต้องเข้ามาจัดการตามโครงสร้างของป.ป.ท.ให้เสร็จทันตามกฎหมาย แต่เมื่อมีการเลือกคณะกรรมการชุดนี้ เพราะฉะนั้น ฝ่ายค้านจะขอพิจารณาข้อมูลอีก 1-2 วัน เพื่อดูว่า 5 วันที่นายสมพงษ์ได้รับหนังสือนายจรัญนั้น นายสมพงษ์ ติดขัดปัญหาใด หรือไม่ เป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถดำเนินการได้หรือมีเจตนาอื่นที่อาจเข้าข่ายจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
**ไล่"ไชยา" ครบ2หมื่นยื่นปธ.วุฒิ15พ.ค.
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ความคืบหน้าการยื่นถอดถอน นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ภายหลังจากได้เริ่มกระบวนการแสดงตนต่อประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ทางเครือข่าย ได้รวบรวมรายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งครบ 20,000 รายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อประชาชนที่มีหลักฐานครบถ้วน 21,470 รายชื่อ และเป็นผู้ที่มีหลักฐานไม่ครบ เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น อีกเกือบ 200 รายชื่อโดยเบื้องต้นกำหนดจะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา ในช่วงเช้าวันที่ 15 พ.ค.นี้ ซึ่งการรวบรวมรายชื่อครั้งนี้ ถือเป็นกรณีแรกอของรัฐธรรมนูญปี 50
สำหรับขั้นตอนต่อไปภายหลังจากยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิแล้ว ทางวุฒิสภา จะตรวจสอบรายชื่อให้แล้วเสร็จใน 30 วัน จากนั้นส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว จากนั้นคณะกรรมการไต่สวนฯ จะส่งความเห็นกลับมายังประธานวุฒิสภา เพื่อกำหนดวันประชุม และลงคะแนนเสียง หากได้คะแนนเสียง 3 ใน 5 ของสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด จะถือว่านายไชยา ถูกถอดถอนจากตำแหน่งทันที และประธานวุฒิสภา จะแจ้งเรื่องกลับมายังผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อรับทราบ มติการลงคะแนนดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะใช้ไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
น.ส.สารี กล่าวว่า กรณีที่ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบ หากนายไชยา ถูกปรับออกจากตำแหน่งรมว.สาธารณสุข หรือถูกปรับออกจากครม. ตนและเครือข่ายฯ ยืนยันจะเดินหน้าให้มีการตรวจสอบการดำเนินงานของนายไชยาขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยจะไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. โดยตรง หากป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีความผิดจริง ก็จะส่งเรื่องฟ้องต่อศาลอาญา แผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป เช่นเดียวกับกรณีของ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.สาธารณสุข ที่ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์
"หากป.ป.ช. ชี้มูลว่านายไชยา ไม่มีความผิด หรือแม้กระทั่งการโหวตในวุฒิสภา ไม่ได้เสียงเกิน 3 ใน 5 ทำให้กระบวนการถอดถอนล้มเหลว พวกเราคงจะต้องปรึกษาอีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราที่เป็นผู้ริเริ่มถอดถอน จะมีความผิดฐานกล่าวหาเท็จทันที แต่ประชาชนที่ร่วมลงชื่อจะไม่มีความผิด เพราะเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น เพราะข้อกล่าวหากทั้ง 4 ข้อ คือ การทบทวนการดำเนินการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) ทำให้รัฐเสียหายงบประมาณ การประกาศนโยบายของ สธ. ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาล การสั่งโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม และไม่มีผลงานที่จะคุ้มครองสุขภาพของประชาชน ซึ่งทุกข้อกล่าวหาพวกเรามีหลักฐานยืนยันชัดเจน"น.ส.สารี กล่าว
**"ไชยา"ไม่สนถูกยื่นถอดถอน
นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การที่ภาคประชาชนยื่นถอดถอนตนนั้น เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการดำเนินการตามสิทธิที่พึงกระทำ ตนไม่กลัว ไม่รู้จะกลัวทำไม ในเมื่อนักการเมืองอยู่ในที่โล่งแจ้ง ดังนั้น หากใครจะมองว่าผิดก็แล้วแต่ แต่หากจะร้องเรื่องการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ให้ไปร้องนายเกริกไกร จีระแพทย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ทำหนังสือมาให้รัฐบาลชุดใหม่ จึงต้องมีการทบทวนเรื่องซีแอลอย่างรอบคอบ ตนเองก็ทบทวนตามที่แนะนำไว้ ส่วนประเด็นเรื่องการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ตนก็ไม่ได้โยกย้าย แต่เป็นปลัด สธ.เป็นผู้เสนอมา อีกทั้งการโยกย้ายก็ไม่ได้เป็นการย้ายลดระดับ จากซี 10 เป็นซี 9 และ 8 ก็ยังอยู่ในระดับเดิม
"ผมไม่ห่วงอะไร เพราะทำงานบริสุทธิ์ใจไม่ต้องกลัวอะไร อะไรเกิดก็ต้องเกิด คนไทยนิสัยชอบจับผิด ไม่ใช่ชอบจับถูก ชอบดูแต่เรื่องไม่สวยงาม และถ้าให้ประเมินผลงานตัวเอง ผมไม่เป็นที่หนึ่ง และก็ไม่อยู่ที่สุดท้าย อยู่กลางๆ แต่เอแบคโพลล์ให้ผมเป็นที่หนึ่ง ที่มีคนจดจำได้ ส่วนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลังได้ที่สอง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รมว.พาณิชย์ได้ที่สาม ซี่งผมทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว" นายไชยา กล่าว
