ระนอง - หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนระนองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประเดิมดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสแกนดิเนเวียใช้บริหารน้ำแร่สุขภาพ
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ร่วมกับสมาพันธ์สปาไทย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนจังหวัดระนอง จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประเภทน้ำพุร้อนจังหวัดระนอง เพื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดระนองได้รวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่มีศักยภาพสอดรับกับยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง พร้อมรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดในอนาคต
รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จังหวัดระนองได้กำหนดยุทธศาสตร์เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเมืองน่าอยู่ เนื่องจากจังหวัดระนองมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในทุกๆ ด้าน ทั้งป่าไม้ ภูเขา ทะเล หาดทราย และที่สำคัญคือน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ ที่มีคุณภาพติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ซึ่งจังหวัดและรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณพัฒนาแหล่งน้ำแร่ร้อนที่มีอยู่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พัฒนาสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เช่น การสร้างอ่างอาบน้ำแร่ การสร้างถนนทางลอดใต้สะพานเพื่อเชื่อมต่อกับแล่งน้ำแร่ร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
นายภาณุ วรมิตร ผอ.ททท.ภาคใต้เขต 5 กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดระนองประมาณ 4 แสนคนเศษ เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3 หมื่นคนเศษ ซึ่งในปี 2552 ททท.ได้ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 โดยจะเน้นหนักนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในกลุ่มที่รักการดูแลสุขภาพ เช่น ในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ซึ่ง ททท.จะทำการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดระนองมากขึ้น โดยได้กำหนดให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเช่นเดิม
นายสุทธิเดช จันทวิชานุวงษ์ นายกเทศมนตรีเมืองระนอง กล่าวว่า ปัจจุบันเทศบาลเมืองระนองมีรายได้จากการกระจายน้ำแร่บ่อรักษะวารินปีละ 2,100,000 บาท หลังจากที่ได้ยกเลิกการสัมปทานผูกขาดเพียงรายเดียวเมื่อปี 2538
ส่วนในอนาคตเทศบาลได้วางแผนการพัฒนาพื้นที่บ่อน้ำแร่ร้อนสวนสาธารณะรักษะวารินไว้แล้ว รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงที่จะเชื่อมโยงกัน เช่น โครงการพัฒนาคลองหาดส้มแป้น โครงการพัฒนาคลองโรงหัด ปรับปรุงถนนสายต่างๆ และโครงการส่งเสริมเมืองสุขภาพ หรือไทยแลนด์ริเวียร่า ด้วยงบประมาณ 120 ล้านบาท โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำแร่ในเชิงธุรกิจ เป็นต้น
ในขณะที่ นางสาวพนิตพิชา ชินวัตร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ SMEs กล่าวว่า ได้เลือกแหล่งน้ำพุร้อนสวนรักษะวารินจังหวัดระนองเป็นโครงการนำร่องในการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนเพื่อรวมตัวกันเป็นเครือข่ายหรือคลัสเตอร์วิสาหกิจการท่องเที่ยว ให้สามารถแข่งขันในเชิงธุรกิจได้
ทางด้านนายแพทย์สุรพงษ์ อำพันธ์วงษ์ กล่าวว่า จังหวัดระนองได้เปรียบกว่าจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากเป็นเมืองสีเขียว เมืองโอโซน เมืองน้ำแร่ ซึ่งต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะรองรับให้ชัดเจน แล้วจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องทำการไว้ให้พร้อม
จากนั้นให้ทำการตลาด การประชาสัมพันธ์ และการวิจัย ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน ส่งที่สำคัญต้องให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ครบถ้วน มีศูนย์กลางข้อมูลเพียงจุดเดียวสามารถตอบคำถามได้ทุกเรื่อง ผู้ประกอบการต้องสื่อสารกับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้เรื่อง ซึ่งถือเป็นอุปสรรคใหญ่ในการพัฒนาการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้บริษัทนำเที่ยวจะนำนักท่องเที่ยวในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เพื่อการนำร่องมาท่องเที่ยวในจังหวัดระนองประมาณ 500-600 คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและดูแลรักษาสุขภาพไปในตัวด้วย
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สสว.กล่าวว่า จะนำข้อมูลทั้งหมดไปวางแผนเพื่อมาส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโครงการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติของจังหวัดระนองต่อไป