สสว.จับมือสมาพันธ์อุตสาหกรรมแคว้นวิเชนซา อิตาลี ขยายโอกาสเอสเอ็มอีไทย ร่วมการค้า การลงทุนพร้อมจับคู่ธุรกิจกว่า 30 ราย ชี้อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ แม่พิมพ์ มีศักยภาพสูงขยายตลาดสู่อิตาลี ที่หวังคู่ค้าและตัวแทนจำหน่ายในไทย ด้านประธานหอการค้าไทย- อิตาลี ฟุ้งนักธุรกิจอิตาลีไม่หวั่นสถานการณ์การเมืองไทย แนวโน้มขยายการลงทุนโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงการลงนามความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ระหว่างสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งแคว้นวิเซนซา ประเทศอิตาลี กับสสว. ว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการขยายความร่วมมือในการลงทุนภาคธุรกิจเอสเอ็มอีของทั้ง 2 ประเทศ มีการลงทุนเพิ่มขึ้น และเป็นการขยายโอกาสทางการค้า และสร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยผ่านกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจอีกด้วย
ทั้งนี้กิจกรรมการจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ จะมีผู้ประกอบการ SMEs ที่ตอบรับเข้าร่วมงานของอิตาลี จำนวนประมาณ 12 ราย และผู้ประกอบการไทยประมาณ 36 ราย ซึ่งผู้ประกอบการอิตาลีนั้น ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ป้อนโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ท่อยาง ท่อเชื่อม เครื่องมือมาตรวัด เครื่องตัดอลูมิเนียม เครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผลิตแม่พิมพ์ นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์แป้ง ฯลฯ โดยส่วนใหญ่ต้องการหาตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทยเป็นหลัก
สำหรับประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือร่วมกันในครั้งนี้ คือ ความร่วมมือกับหอการค้าไทยอิตาลีในการให้บริการ Italian Service Desk การหารือด้านแฟชั่นระหว่างผู้เข้าร่วมงาน Bangkok Fashion Society กับสมาพันธ์อุตสาหกรรมแคว้นวิเชนซา และเรื่องการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยมีขอบเขตการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านธุรกิจ ด้านแนวโน้มสถิติในธุรกิจสาขาต่างๆ และข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการค้า การลงทุนและการถ่ายโอนทางด้านเทคโนโลยี
ด้านนายเอกกมน หุตะสิงห ประธานหอการค้าไทย-อิตาลี กล่าวภายหลังการลงนามความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ระหว่างสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งแคว้นวิเซนซา ประเทศอิตาลี กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) ว่า ถึงความเชื่อมั่นการลงทุนของผู้ประกอบการอิตาลีในไทย ว่า ที่ผ่านมามีนักลงทุนจากอิตาลีมาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมด้านเฟอร์นิเจอร์ อะไหล่รถยนต์ แพคเกจจิ้ง อาหาร และเครื่องจักรกล โดยนักธุรกิจชาวอิตาลีส่วนใหญ่ ยังมีความเชื่อมั่นในการลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทย โดยที่ผ่านมาไม่ได้มีความกังวลในเรื่องสถานการณ์การเมืองของไทย เพราะเชื่อว่าไม่มีความรุนแรงถึงขั้นต้องย้ายฐานการผลิต หรือส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตสินค้าอิตาลีในประเทศไทย
“สำหรับประเทศไทยและอิตาลี ได้สานสัมพันธ์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกันมาโดยตลอด โดยอิตาลีเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 21 ของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้าทั้งหมด ที่สำคัญปริมาณการค้าระหว่างไทยและอิตาลีได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 ไทยส่งออกไปยังอิตาลีถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 23% ขณะที่ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8.7% โดยแนวโน้มการลงทุนของอิตาลีในภูมิภาคเอเชียยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ประธานหอการค้าไทย-อิตาลี กล่าว
สำหรับแคว้นวิเชนซา ประเทศอิตาลี ถือเป็นที่ตั้งอยู่ในใจกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เป็นเขตที่มีสถานที่ตั้งของบริษัทมากที่สุดในอิตาลี และมีธุรกิจเอสเอ็มอี และอุตสาหกรรมที่ถือเป็นหัวใจหลักของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเวเนโต ซึ่งมีบริษัทตั้งอยู่ในแคว้นจำนวน 85,725 บริษัท รวมถึงบริษัทต่างชาติในสาขาต่างๆ เช่น อุปกรณ์จักรกล นาโนเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งส่งผลให้มีมูลค่าการส่งออกสินค้าจำนวน 13.3 ล้านยูโร
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงการลงนามความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ระหว่างสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งแคว้นวิเซนซา ประเทศอิตาลี กับสสว. ว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการขยายความร่วมมือในการลงทุนภาคธุรกิจเอสเอ็มอีของทั้ง 2 ประเทศ มีการลงทุนเพิ่มขึ้น และเป็นการขยายโอกาสทางการค้า และสร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยผ่านกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจอีกด้วย
ทั้งนี้กิจกรรมการจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ จะมีผู้ประกอบการ SMEs ที่ตอบรับเข้าร่วมงานของอิตาลี จำนวนประมาณ 12 ราย และผู้ประกอบการไทยประมาณ 36 ราย ซึ่งผู้ประกอบการอิตาลีนั้น ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ป้อนโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ท่อยาง ท่อเชื่อม เครื่องมือมาตรวัด เครื่องตัดอลูมิเนียม เครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผลิตแม่พิมพ์ นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์แป้ง ฯลฯ โดยส่วนใหญ่ต้องการหาตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทยเป็นหลัก
สำหรับประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือร่วมกันในครั้งนี้ คือ ความร่วมมือกับหอการค้าไทยอิตาลีในการให้บริการ Italian Service Desk การหารือด้านแฟชั่นระหว่างผู้เข้าร่วมงาน Bangkok Fashion Society กับสมาพันธ์อุตสาหกรรมแคว้นวิเชนซา และเรื่องการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยมีขอบเขตการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านธุรกิจ ด้านแนวโน้มสถิติในธุรกิจสาขาต่างๆ และข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการค้า การลงทุนและการถ่ายโอนทางด้านเทคโนโลยี
ด้านนายเอกกมน หุตะสิงห ประธานหอการค้าไทย-อิตาลี กล่าวภายหลังการลงนามความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ระหว่างสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งแคว้นวิเซนซา ประเทศอิตาลี กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) ว่า ถึงความเชื่อมั่นการลงทุนของผู้ประกอบการอิตาลีในไทย ว่า ที่ผ่านมามีนักลงทุนจากอิตาลีมาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมด้านเฟอร์นิเจอร์ อะไหล่รถยนต์ แพคเกจจิ้ง อาหาร และเครื่องจักรกล โดยนักธุรกิจชาวอิตาลีส่วนใหญ่ ยังมีความเชื่อมั่นในการลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทย โดยที่ผ่านมาไม่ได้มีความกังวลในเรื่องสถานการณ์การเมืองของไทย เพราะเชื่อว่าไม่มีความรุนแรงถึงขั้นต้องย้ายฐานการผลิต หรือส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตสินค้าอิตาลีในประเทศไทย
“สำหรับประเทศไทยและอิตาลี ได้สานสัมพันธ์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกันมาโดยตลอด โดยอิตาลีเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 21 ของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้าทั้งหมด ที่สำคัญปริมาณการค้าระหว่างไทยและอิตาลีได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 ไทยส่งออกไปยังอิตาลีถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 23% ขณะที่ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8.7% โดยแนวโน้มการลงทุนของอิตาลีในภูมิภาคเอเชียยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ประธานหอการค้าไทย-อิตาลี กล่าว
สำหรับแคว้นวิเชนซา ประเทศอิตาลี ถือเป็นที่ตั้งอยู่ในใจกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เป็นเขตที่มีสถานที่ตั้งของบริษัทมากที่สุดในอิตาลี และมีธุรกิจเอสเอ็มอี และอุตสาหกรรมที่ถือเป็นหัวใจหลักของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเวเนโต ซึ่งมีบริษัทตั้งอยู่ในแคว้นจำนวน 85,725 บริษัท รวมถึงบริษัทต่างชาติในสาขาต่างๆ เช่น อุปกรณ์จักรกล นาโนเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งส่งผลให้มีมูลค่าการส่งออกสินค้าจำนวน 13.3 ล้านยูโร
