ศูนย์ข่าวภูเก็ต - 6 จังหวัดอันดามันโชว์ศักยภาพซ้อมหนีภัยสึนามิพร้อมกันทุกพื้นที่ หวังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการรองรับภัยสึนามิ เผยหอเตือนภัยทั้ง 79 หอทำงานปกติ พร้อมเตรียมติดตั้งเพิ่มอีก 144 หอ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งอันดามัน ในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 09.45 น.วันนี้ (7 ก.ค.) ที่บิรเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสุวิทย คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการบริหารระบบเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดสัญญาณเตือนภัยฝึกซ้อมระบบเตือนภัยและอพยพหบลหนีภัยสึนามิ ประจำปี 2551 ในพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ทั้งนี้ กำหนดให้จังหวัดภูเก็ตที่บริเวณปลายแหลมสะพานหินเป็นต้นแบบในการฝึกซ้อมฯ โดยมีนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้องพร้อมสังเกตการณ์ฝึกซ้อมในครั้งนี้
การฝึกซ้อมในครั้งนี้ได้สมมติให้มีแผ่นดินไหวบริเวณทะเลอันดามัน ขนาดความรุนแรง 8.5 ริกเตอร์ ที่ละติจูด 10.55 องศาเหนือ ลองติจูด 93.50 องศาตะวันออก ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ นายกเทศมนตรี อบจ. เตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ เครื่องมืออุปกรณ์
หลังจากนั้น ผู้ว่าฯได้รับการยืนยันจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติว่าจะเกิดคลื่นสึนามิ จังหวัดภูเก็ตจึงได้สั่งอพยพประชาชนออกจากพื้น ซึ่งที่บริเวณปลายแหลมสะพานหินในวันนี้ขณะที่เกิดแผ่นดินไหวมีกิจกรรมเกิดขึ้นหลายกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด การแข่งขันบาสเก็ตบอล ที่บริเวณโรงยิม ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแสนสุข ชุมชนสะพานหิน รวมทั้งเด็กนักเรียนโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครภูเก็ตประมาณ 1,200 คนได้วิ่งหนีภัยสึนามิจากสะพานหินมายังจุดปลอดภัย ที่บริเวณเวทีกลางสะพานหิน
เป็นที่น่าสังเกตว่า การซ้อมวิ่งหนีภัยสึนามิในครั้งนี้มีเด็กนักเรียนมากกว่า 90% ประชาชนที่ออกมาวิ่ง มีประมาณ 100 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นประชาชนที่อยู่ในบริเวณชุมชนแสนสุขและชุมชนสะพานหิน
นอกจากที่บริเวณปลายแหลมสะพานหินที่กำหนดให้เป็นต้นแบบของการซ้อมหนีภัยสึนามิแล้ว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้กำหนดให้จังหวัดในอันดามันทั้งหมด ซ้อมหนีภัยสึนามิ โดยการเปิดสัญญาณเตือนภัยสึนามิจากหอเตือนภัยที่มีอยู่ทั้งหมด 79 หอในขณะนี้
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารระบบเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แถลงข่าวกับสื่อมวลชนภายหลังซ้อมหนีภัยสึนามิแล้วเสร็จว่า การซ้อมแผนหนีภัยสึนามิในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจมาก เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการซ้อมใหญ่จำเป็นที่จะต้องฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ใหม่ทุกคนก็จะตื่นตัวกับภัยที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนจะลืม ซึ่งเมื่อเกิดภัยซ้ำก็จะทำให้ไม่มีความพร้อม จึงจำเป็นที่จะต้องฝึกซ้อมกันทุกปี เพราะการฝึกซ้อมเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของการบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉิน และในภาวะที่เกิดภัยพิบัติ รวมไปถึงการฝึกซ้อมดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้กับภัยอื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วย
ทั้งนี้ การซ้อมดังกล่าวนอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมแล้วยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่อันดามันทั้ง 6 จังหวัด ซึ่งการฝึกซ้อมในวันนี้ มีตัวแทนผู้ประกอบการ ตัวแทนจากสถานทูตเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย หลังจากการฝึกซ้อมแล้วเสร็จเขาได้บอกว่ารู้สึกสบายใจ ที่อันดามันมีความพร้อมในการรองรับกับภัยที่จะเกิดขึ้น
“การฝึกซ้อมในครั้งนี้ แทบที่จะไม่มีอะไรที่จะต้องปรับปรุงอีก ทุกอย่างดูสมบูรณ์เกือบทั้งหมดแล้ว เพียงแต่เพียงในเรื่องของการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และความเสียหายของทรัพย์สินในระหว่างการอพยพหนีภัยเท่านั้น และหลังจากนี้ศูนย์เตือนภัยฯ กรมป้องกันฯ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้องจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในชุมชน ในโรงเรียน ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าหากเกิดเกิดสึนามิขึ้นจะทำอย่างไร” นายสุวิทย์ กล่าวและว่า
สำหรับการเตรียมความพร้อมของหอเตือนภัยทั้ง 79 หอในฝั่งอันดามัน ถือว่ามีความพร้อมตลอดซึ่งในการซ้อมวันนี้ เท่าที่ได้รับรายงาน ทุกหอฯสามารถส่งสัญญาณได้ทั้งหมด และเมื่อเป็นการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา อยากจะให้มีการทดสอบหอเตือนภัยโดยการเปิดเพลงชาติผ่านทางหอเตือนภัยในทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น
รวมทั้งขณะนี้ศูนย์เตือนภัยฯ ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งหอเตือนภัยเพิ่มอีก 144 หอในฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งให้เสร็จภายใน 1 ปี รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายในการฝึกซ้อมภัยจากแผ่นดินไหวในภาคเหนือ เพราะขณะนี้ในพื้นที่ภาคเหนือมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยๆ
นายสุวิทย์ ย้ำในตอนท้ายว่า ระบบเตือนภัยของประเทศไทยถือเป็นระบบเตือนภัยที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้
