นราธิวาส - นายอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เผยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมโรคคอบวมระบาดในโคและกระบือได้แล้ว
นายสุรินทร์ เพชรสังข์ นายอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นกับวัวและกระบือในพื้นที่ ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่า ขณะนี้ในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก นั้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์โรคระบาดได้แล้ว โดยช่วงที่ผ่านมามีการทำลายซากวัวและกระบือแล้วจำนวน 142 ตัว อีกทั้งปัจจุบันนี้มีการจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกค้นหาซากวัวและกระบือในป่าพรุเพิ่มเติม เพื่อที่จะนำมาทำลายเพิ่มเติม
ด้าน นายวีรสิทธิ์ พุฒิภัยโรจน์ ปศุสัตว์จังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการเข้าไปดูแลเพื่อกำจัดโรคระบาดที่เกิดขึ้นกับวัวและกระบือในครั้งนี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบกระบือป่าที่อยู่ตามป่าพรุ โดยมีการจัดทำคอกเพื่อให้กระบือป่าเข้ามาอยู่รวมกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เองได้จัดเตรียมพื้นที่ป่าพรุจำนวน 50 ไร่ในการทำคอกให้กระบือป่าอยู่รวมกัน โดยจากการสำรวจนั้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะยังเหลืออีก 50 ตัวที่ยังคงอยู่ในป่าพรุ
ส่วนพื้นที่ อำเภอสุไหงโก-ลก ที่มีการประกาศเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติของโรคระบาดนั้น ขณะนี้ยังคงประกาศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทางจังหวัดมีการประกาศให้พื้นที่ อ.ตากใบ อ.แว้ง อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง เป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติเพิ่มเติมด้วย โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีการเฝ้าระวังเนื่องจากถือเป็นพื้นที่ป่าพรุด้วย
ทางด้าน นายมาหามะยูดิง ดือราแม อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 38/3 บ้านกายูคละ หมู่ 3 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส กล่าวว่า หลังจากเกิดโรคระบาดดังกล่าวขึ้นตนเองและเจ้าของโคและกระบือรายอื่นๆ ในพื้นที่อำเภอยี่งอ ไม่ยอมปล่อยให้โคออกไปหากินหญ้าในทุ่งหญ้า หรือทุ่งนา เหมือนปกติแต่ได้ทำคอกขังรวมกันไว้ แล้วตัดหญ้าเป็นฟ่อนมาป้อนให้โคกินถึงในคอก อีกทั้งไม่ยอมให้โคกินน้ำในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น คู หรือ คลองแต่ให้โคดื่มน้ำประปา หรือน้ำบาดาลแทน ซึ่งผู้เลี้ยงโคในพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นรู้สึกกลัวกับโรคที่เกิดดังกล่าวมาก เพราะจะสร้างความเสียหายให้
นายสุรินทร์ เพชรสังข์ นายอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นกับวัวและกระบือในพื้นที่ ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่า ขณะนี้ในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก นั้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์โรคระบาดได้แล้ว โดยช่วงที่ผ่านมามีการทำลายซากวัวและกระบือแล้วจำนวน 142 ตัว อีกทั้งปัจจุบันนี้มีการจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกค้นหาซากวัวและกระบือในป่าพรุเพิ่มเติม เพื่อที่จะนำมาทำลายเพิ่มเติม
ด้าน นายวีรสิทธิ์ พุฒิภัยโรจน์ ปศุสัตว์จังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการเข้าไปดูแลเพื่อกำจัดโรคระบาดที่เกิดขึ้นกับวัวและกระบือในครั้งนี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบกระบือป่าที่อยู่ตามป่าพรุ โดยมีการจัดทำคอกเพื่อให้กระบือป่าเข้ามาอยู่รวมกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เองได้จัดเตรียมพื้นที่ป่าพรุจำนวน 50 ไร่ในการทำคอกให้กระบือป่าอยู่รวมกัน โดยจากการสำรวจนั้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะยังเหลืออีก 50 ตัวที่ยังคงอยู่ในป่าพรุ
ส่วนพื้นที่ อำเภอสุไหงโก-ลก ที่มีการประกาศเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติของโรคระบาดนั้น ขณะนี้ยังคงประกาศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทางจังหวัดมีการประกาศให้พื้นที่ อ.ตากใบ อ.แว้ง อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง เป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติเพิ่มเติมด้วย โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีการเฝ้าระวังเนื่องจากถือเป็นพื้นที่ป่าพรุด้วย
ทางด้าน นายมาหามะยูดิง ดือราแม อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 38/3 บ้านกายูคละ หมู่ 3 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส กล่าวว่า หลังจากเกิดโรคระบาดดังกล่าวขึ้นตนเองและเจ้าของโคและกระบือรายอื่นๆ ในพื้นที่อำเภอยี่งอ ไม่ยอมปล่อยให้โคออกไปหากินหญ้าในทุ่งหญ้า หรือทุ่งนา เหมือนปกติแต่ได้ทำคอกขังรวมกันไว้ แล้วตัดหญ้าเป็นฟ่อนมาป้อนให้โคกินถึงในคอก อีกทั้งไม่ยอมให้โคกินน้ำในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น คู หรือ คลองแต่ให้โคดื่มน้ำประปา หรือน้ำบาดาลแทน ซึ่งผู้เลี้ยงโคในพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นรู้สึกกลัวกับโรคที่เกิดดังกล่าวมาก เพราะจะสร้างความเสียหายให้