นราธิวาส - จังหวัดนราธิวาสประกาศพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก เป็นพื้นที่เขตภัยพิบัติของโรคระบาด หลังพบวัวและกระบือตายจากโรคคอบวมแล้ว 127 ตัว
วันนี้ (13 มิ.ย.) นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์โคและกระบือ เสียชีวิตจากโรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย หรือโรคคอบวม ในพื้นที่หมู่ 1 ,2, 3, 4, 5 และ 6 ในพื้นที่ ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสว่า สถานการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.51 ที่ผ่านมา
โดยในครั้งนั้นพบการเสียชีวิตของโคและกระบือจำนวน 21 ตัว และยังพบอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมิถุนายน โดยปัจจุบันมีโคและกระบือเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 127 ตัว และล่าสุดทางจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศให้พื้นที่ทั้งอำเภอสุไหงโก-ลก เป็นเขตภัยพิบัติของโรคระบาด พร้อมทั้งจัดส่งทีมจากสาธารณสุขและปศุสัตว์เข้าควบคุมสถานการณ์
สำหรับการป้องกันการติดต่อของโรคคอบวมนั้น จะต้องเข้าไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคให้กับสัตว์ที่อยู่ในที่ลุ่ม โดยในพื้นที่ ต.ปูโยะ มีการปล่อยโคและกระบืออยู่ตามป่าพรุทำให้มีการติดต่อกันง่ายจากการกินน้ำ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงมีโคและกระบือที่กระจายอยู่รอบป่าพรุ ไม่สามารถที่จะควบคุมได้อีกกว่า 200 ตัว แต่ในเบื้องต้นมีการจัดทำแนวรั้วขนานกับขอบพรุเพื่อกันไม่ให้สัตว์ออกมาข้างนอกแล้ว นอกจากนี้ทางจังหวัดได้มีการควบคุมการระบาดของโรคไปจนถึง อ.ตากใบ อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง ด้วย
ส่วนการทำลายซากสัตว์นั้นทางจังหวัดนราธิวาสมีการแบ่งชุดเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 ชุด ชุดละ 23 คน โดยมีการย้ายซากกระบือออกจากแหล่งน้ำเพื่อป้องกันการระบาดของโรค อีกทั้งมีการเผาบริเวณที่ดอน โดยใช้ยางรถยนต์และเศษไม้ ซึ่งปัจจุบันมีการทำลายซากสัตว์ไปแล้ว 98 ตัว
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางจังหวัดสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่อยากให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ต่างๆ เป็นกังวล
วันนี้ (13 มิ.ย.) นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์โคและกระบือ เสียชีวิตจากโรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย หรือโรคคอบวม ในพื้นที่หมู่ 1 ,2, 3, 4, 5 และ 6 ในพื้นที่ ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสว่า สถานการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.51 ที่ผ่านมา
โดยในครั้งนั้นพบการเสียชีวิตของโคและกระบือจำนวน 21 ตัว และยังพบอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมิถุนายน โดยปัจจุบันมีโคและกระบือเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 127 ตัว และล่าสุดทางจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศให้พื้นที่ทั้งอำเภอสุไหงโก-ลก เป็นเขตภัยพิบัติของโรคระบาด พร้อมทั้งจัดส่งทีมจากสาธารณสุขและปศุสัตว์เข้าควบคุมสถานการณ์
สำหรับการป้องกันการติดต่อของโรคคอบวมนั้น จะต้องเข้าไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคให้กับสัตว์ที่อยู่ในที่ลุ่ม โดยในพื้นที่ ต.ปูโยะ มีการปล่อยโคและกระบืออยู่ตามป่าพรุทำให้มีการติดต่อกันง่ายจากการกินน้ำ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงมีโคและกระบือที่กระจายอยู่รอบป่าพรุ ไม่สามารถที่จะควบคุมได้อีกกว่า 200 ตัว แต่ในเบื้องต้นมีการจัดทำแนวรั้วขนานกับขอบพรุเพื่อกันไม่ให้สัตว์ออกมาข้างนอกแล้ว นอกจากนี้ทางจังหวัดได้มีการควบคุมการระบาดของโรคไปจนถึง อ.ตากใบ อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง ด้วย
ส่วนการทำลายซากสัตว์นั้นทางจังหวัดนราธิวาสมีการแบ่งชุดเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 ชุด ชุดละ 23 คน โดยมีการย้ายซากกระบือออกจากแหล่งน้ำเพื่อป้องกันการระบาดของโรค อีกทั้งมีการเผาบริเวณที่ดอน โดยใช้ยางรถยนต์และเศษไม้ ซึ่งปัจจุบันมีการทำลายซากสัตว์ไปแล้ว 98 ตัว
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางจังหวัดสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่อยากให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ต่างๆ เป็นกังวล
