กระบี่ -ผวจ.กระบี่ เชื่อมั่นสะพานข้ามฟากเกาะลันตาได้สร้างแน่ เตรียมให้กรมทางหลวง ชงของบประมาณก่อสร้าง ปี 53 คาดใช้เงินก่อสร้างประมาณ 300 ล้านบาท
นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่อดีตนายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการศึกษาออกแบบถึงความเหมาะสมในการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง เกาะลันตาน้อย-ลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา ซึ่งจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ศึกษามาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ พบว่า ประชาชนมีความต้องการที่จะให้สะพานเกิดขึ้นโดยเร็ว และจะมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ซึ่งเหมือนกับการทำประชาพิจารณ์ รวมถึงการนำเสนอรูปแบบของการก่อสร้างสะพาน ตามความคิดเห็นของประชาชนด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า คณะที่ปรึกษาออกแบบสะพาน รวมทั้งคณะการศึกษาผลกระทบได้รับข้อมูลจากการสอบถามและลงสำรวจในพื้นที่เบื้องต้นแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ได้มีผลสรุปว่าประชาชนชาวกระบี่ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ที่เกาะลันตา ให้ความเห็นชอบการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาการคมนาคม รูปแบบประภาคาร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะลันตา ซึ่งรูปแบบดังกล่าวได้มียกร่างและปรับปรุงส่วนประกอบต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้มีความกลมกลืนกับพื้นที่และไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม
“ในวันนี้ชาวกระบี่ได้สะพานมาแล้ว คงจะไม่ใช่เสร็จสิ้นเพียงแค่นี้ การรักษาสะพาน และสิ่งแวดล้อม ที่เป็นส่วนประกอบของอำเภอเกาะลันตา ประชาชนจะต้องให้ความสำคัญ เพราะสะพานเป็นเครื่องหมายการคมนาคมการอำนวยความสะดวกอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือการรักษาเอกลักษณ์ของเกาะลันตาเอาไว้ หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ทางจังหวัดก็จะได้ผลักดันงบประมาณ ปี 53 ในการก่อสร้างต่อไป โดยคาดว่าการก่อสร้างจะต้องใช้งบประมาณ ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท
นายศิวะ กล่าวด้วยว่า จังหวัดจะทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมถึงสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ช่วยสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างด้วย ซึ่งสะพานดังกล่าวก็จะเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมันแสดงความเอาจริงเอาจังของส่วนราชการกับประชาชน ไม่ใช่ว่ามาศึกษาแล้วก็หายเงียบไปเหมือนกับหลายโครงการ ทั้งที่ชาวบ้านต้องการ ส่วนในอนาคตในช่วงที่เหลือที่ยังไม่มีการก่อสร้างสะพาน ที่บริเวณท่าเทียบเรือหัวหิน-คลองหมาก ทางจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก็จะพัฒนาให้มีความมาตรฐานมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าการเดินทางไปเกาะลันตาต่อไปจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและการคมนาคมเป็นอย่างมาก
“ผมเชื่อว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลพร้อมเสนอ ทางสิ่งแวดล้อมก็คงจะไม่ขัด เพราะเป็นความต้องการของชาวบ้านจริงๆ เกาะลันตา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ สร้างรายได้ให้กับจังหวัดและประเทศปีละมหาศาล น่าจะใช้โอกาสในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ สร้างเกาะลันตาให้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอีกสักแห่ง ดึงเงินนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ และว่าน่าจะหมดสมัยแล้ว ที่นักท่องเที่ยวและประชาชน ต้องรอแพขนานยนต์ข้ามฟากนาน 4-5 ชั่วโมง บางครั้งนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน ต้องตกเที่ยวบินเหตุรอแพนาน”
นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่อดีตนายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการศึกษาออกแบบถึงความเหมาะสมในการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง เกาะลันตาน้อย-ลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา ซึ่งจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ศึกษามาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ พบว่า ประชาชนมีความต้องการที่จะให้สะพานเกิดขึ้นโดยเร็ว และจะมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ซึ่งเหมือนกับการทำประชาพิจารณ์ รวมถึงการนำเสนอรูปแบบของการก่อสร้างสะพาน ตามความคิดเห็นของประชาชนด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า คณะที่ปรึกษาออกแบบสะพาน รวมทั้งคณะการศึกษาผลกระทบได้รับข้อมูลจากการสอบถามและลงสำรวจในพื้นที่เบื้องต้นแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ได้มีผลสรุปว่าประชาชนชาวกระบี่ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ที่เกาะลันตา ให้ความเห็นชอบการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาการคมนาคม รูปแบบประภาคาร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะลันตา ซึ่งรูปแบบดังกล่าวได้มียกร่างและปรับปรุงส่วนประกอบต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้มีความกลมกลืนกับพื้นที่และไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม
“ในวันนี้ชาวกระบี่ได้สะพานมาแล้ว คงจะไม่ใช่เสร็จสิ้นเพียงแค่นี้ การรักษาสะพาน และสิ่งแวดล้อม ที่เป็นส่วนประกอบของอำเภอเกาะลันตา ประชาชนจะต้องให้ความสำคัญ เพราะสะพานเป็นเครื่องหมายการคมนาคมการอำนวยความสะดวกอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือการรักษาเอกลักษณ์ของเกาะลันตาเอาไว้ หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ทางจังหวัดก็จะได้ผลักดันงบประมาณ ปี 53 ในการก่อสร้างต่อไป โดยคาดว่าการก่อสร้างจะต้องใช้งบประมาณ ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท
นายศิวะ กล่าวด้วยว่า จังหวัดจะทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมถึงสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ช่วยสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างด้วย ซึ่งสะพานดังกล่าวก็จะเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมันแสดงความเอาจริงเอาจังของส่วนราชการกับประชาชน ไม่ใช่ว่ามาศึกษาแล้วก็หายเงียบไปเหมือนกับหลายโครงการ ทั้งที่ชาวบ้านต้องการ ส่วนในอนาคตในช่วงที่เหลือที่ยังไม่มีการก่อสร้างสะพาน ที่บริเวณท่าเทียบเรือหัวหิน-คลองหมาก ทางจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก็จะพัฒนาให้มีความมาตรฐานมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าการเดินทางไปเกาะลันตาต่อไปจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและการคมนาคมเป็นอย่างมาก
“ผมเชื่อว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลพร้อมเสนอ ทางสิ่งแวดล้อมก็คงจะไม่ขัด เพราะเป็นความต้องการของชาวบ้านจริงๆ เกาะลันตา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ สร้างรายได้ให้กับจังหวัดและประเทศปีละมหาศาล น่าจะใช้โอกาสในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ สร้างเกาะลันตาให้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอีกสักแห่ง ดึงเงินนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ และว่าน่าจะหมดสมัยแล้ว ที่นักท่องเที่ยวและประชาชน ต้องรอแพขนานยนต์ข้ามฟากนาน 4-5 ชั่วโมง บางครั้งนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน ต้องตกเที่ยวบินเหตุรอแพนาน”