ตรัง – นักเรียนในจังหวัดตรังเกิดอาการอุปทานหมู่อีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้ 3 วันเคยเกิดอาการลักษณะดังกล่าวมาแล้ว โรงพยาบาลตรังเร่งจัดจิตแพทย์เข้าดูแล
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนสหตรังอาชีวะ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัดตรังว่า เกิดเหตุการณ์นักเรียนมีอาการอุปทานหมู่ซ้ำครั้งที่ 2 หรือห่างจากครั้งแรกเพียง 3 วัน ซึ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้น นักเรียนของโรงเรียนสหตรังวิทยา ทั้งชายหญิง จำนวนกว่า 100 คน ได้เคยเกิดอาการอุปทานหมู่มาแล้ว
โดยทั้งหมดได้มีอาการกรีดร้องเสียงดัง และมีอาการลักษณะคล้ายร่างทรง รวมทั้งร้องอาละวาดโวยวาย พูดจาเป็นภาษาจีน และแสดงลักษณะท่าทางที่แปลกๆ แล้ววิ่งออกมาโวยวายบริเวณหน้าศาลพระภูมิประจำโรงเรียน จนเป็นเหตุให้ทางโรงเรียนต้องประกาศหยุดการเรียนการสอน และอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านก่อนเวลาได้ ซึ่งได้สร้างความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทั้งนักเรียนที่ไม่เกิดอาการอุปทาน และผู้ปกครองนักเรียนที่ทราบข่าว ที่ต่างก็รีบมารับบุตรหลานกลับบ้านกันอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ หลังจากทราบข่าวผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนสหตรังอาชีวะ แต่ทางผู้บริหารโรงเรียนไม่ยินยอม และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในโรงเรียนเป็นอันขาด ดังนั้น กลุ่มของผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง จึงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่บริเวณรอบนอกโรงเรียน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง จำนวนหนึ่ง นำโดย พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผู้กำกับการ และ พ.ต.ท.ชัยโรจน์ โพธิปฐม รองผู้กำกับการ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม
จากนั้น นายแพทย์จำรัส สรพิพัฒน์ ผู้บริหารโรงเรียนสหตรังอาชีวะ ได้เดินทางออกมาพูดคุยกับกลุ่มผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่า การเกิดอุปาทานหมู่ในครั้งที่ผ่านมาที่เกิดความวุ่นวายนั้น เนื่องจากมีบุคคลภายนอกได้เข้าไปถ่ายภาพ จึงทำให้เด็กตื่นตระหนกและเกิดความวุ่นวายขึ้ น ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นเพียงอาการของโรคอุปทานหมู่ ที่เกิดขึ้นได้หลายโรงเรียนและหลายโรงงาน เนื่องจากความเครียดอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำโดยไม่มีอันตรายใดๆ แต่จะเป็นอันตรายหากมีใครเข้าไปกระทำในสิ่งที่ไม่เข้าเรื่องเข้าราว
นายแพทย์จำรัส กล่าวอีกว่า ในส่วนของการไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปนั้น ไม่ได้เป็นการปิดกั้นแต่อย่างใด ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้มีการติดต่อผู้ปกครองเพื่อชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และได้มีการประสานจิตเวชของโรงพยาบาลตรัง ในการเข้ามาดูแลในส่วนของเด็กที่มีปัญหาแล้ว แต่ทางโรงเรียนไม่มีหน้าที่มาชี้แจง หรืออธิบายให้สื่อมวลชนฟังในเรื่องนี้ โดยภาวะของการเกิดอุปาทานหมู่สามารถเกิดขึ้นในที่เดียวกันได้หลายๆ ครั้ง ส่วนในเรื่องของมาตรการป้องกัน ทางโรงเรียนกำลังดำเนินการอยู่ และครั้งนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งอาจจะเพราะเด็กยังไม่อยู่ในภาวะที่ผ่อนคลายก็เป็นได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง นายแพทย์สมบัติ ผดุงวิทย์วัฒนา นายแพทย์ด้านเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลตรัง ซึ่งเป็นแพทย์ที่เข้าไปดูแลอาการของเด็กที่เกิดอุปาทานหมู่ ภายในโรงเรียนสหตรังอาชีวะในครั้งนี้
โดย นายแพทย์สมบัติ กล่าวว่า จากอาการของเด็กที่เข้าไปดูแลนั้น พบว่าเป็นอาการของโรคอุปทานหมู่ ซึ่งครั้งที่สอง มีเด็กที่เกิดอาการประมาณ 8 คน โดยทางโรงพยาบาลตรัง ได้มีการจัดหน่วยจิตแพทย์เข้าไปดูแลอาการ ด้วยการจับเด็กต้นเหตุแยกออกจากกลุ่มเพื่อนๆ แล้วนำไปพักผ่อนในห้องละคน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กคนอื่นเกิดอาการอุปทานหมู่ตามไปด้วย จนกลายเป็นกลุ่มใหญ่
นายแพทย์สมบัติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรักษาเด็กที่ป่วยนั้น จะต้องดูแลอาการอ่อนเพลียให้หายก่อน จากนั้น ทางจิตแพทย์จะเข้าไปพูดคุยกับตัวเด็กและครอบครัว เพื่อหาสาเหตุความตึงเครียดที่นำมาซึ่งการเกิดอาการอุปทานหมู่ในครั้งนี้ โดยจะต้องติดตามและดูแลอาการของเด็กจนกว่าจะพบสาเหตุที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กที่มีอาการเกิดอุปทานหมู่ซ้ำอีกครั้ง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนสหตรังอาชีวะ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัดตรังว่า เกิดเหตุการณ์นักเรียนมีอาการอุปทานหมู่ซ้ำครั้งที่ 2 หรือห่างจากครั้งแรกเพียง 3 วัน ซึ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้น นักเรียนของโรงเรียนสหตรังวิทยา ทั้งชายหญิง จำนวนกว่า 100 คน ได้เคยเกิดอาการอุปทานหมู่มาแล้ว
โดยทั้งหมดได้มีอาการกรีดร้องเสียงดัง และมีอาการลักษณะคล้ายร่างทรง รวมทั้งร้องอาละวาดโวยวาย พูดจาเป็นภาษาจีน และแสดงลักษณะท่าทางที่แปลกๆ แล้ววิ่งออกมาโวยวายบริเวณหน้าศาลพระภูมิประจำโรงเรียน จนเป็นเหตุให้ทางโรงเรียนต้องประกาศหยุดการเรียนการสอน และอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านก่อนเวลาได้ ซึ่งได้สร้างความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทั้งนักเรียนที่ไม่เกิดอาการอุปทาน และผู้ปกครองนักเรียนที่ทราบข่าว ที่ต่างก็รีบมารับบุตรหลานกลับบ้านกันอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ หลังจากทราบข่าวผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนสหตรังอาชีวะ แต่ทางผู้บริหารโรงเรียนไม่ยินยอม และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในโรงเรียนเป็นอันขาด ดังนั้น กลุ่มของผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง จึงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่บริเวณรอบนอกโรงเรียน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง จำนวนหนึ่ง นำโดย พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผู้กำกับการ และ พ.ต.ท.ชัยโรจน์ โพธิปฐม รองผู้กำกับการ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม
จากนั้น นายแพทย์จำรัส สรพิพัฒน์ ผู้บริหารโรงเรียนสหตรังอาชีวะ ได้เดินทางออกมาพูดคุยกับกลุ่มผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่า การเกิดอุปาทานหมู่ในครั้งที่ผ่านมาที่เกิดความวุ่นวายนั้น เนื่องจากมีบุคคลภายนอกได้เข้าไปถ่ายภาพ จึงทำให้เด็กตื่นตระหนกและเกิดความวุ่นวายขึ้ น ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นเพียงอาการของโรคอุปทานหมู่ ที่เกิดขึ้นได้หลายโรงเรียนและหลายโรงงาน เนื่องจากความเครียดอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำโดยไม่มีอันตรายใดๆ แต่จะเป็นอันตรายหากมีใครเข้าไปกระทำในสิ่งที่ไม่เข้าเรื่องเข้าราว
นายแพทย์จำรัส กล่าวอีกว่า ในส่วนของการไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปนั้น ไม่ได้เป็นการปิดกั้นแต่อย่างใด ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้มีการติดต่อผู้ปกครองเพื่อชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และได้มีการประสานจิตเวชของโรงพยาบาลตรัง ในการเข้ามาดูแลในส่วนของเด็กที่มีปัญหาแล้ว แต่ทางโรงเรียนไม่มีหน้าที่มาชี้แจง หรืออธิบายให้สื่อมวลชนฟังในเรื่องนี้ โดยภาวะของการเกิดอุปาทานหมู่สามารถเกิดขึ้นในที่เดียวกันได้หลายๆ ครั้ง ส่วนในเรื่องของมาตรการป้องกัน ทางโรงเรียนกำลังดำเนินการอยู่ และครั้งนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งอาจจะเพราะเด็กยังไม่อยู่ในภาวะที่ผ่อนคลายก็เป็นได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง นายแพทย์สมบัติ ผดุงวิทย์วัฒนา นายแพทย์ด้านเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลตรัง ซึ่งเป็นแพทย์ที่เข้าไปดูแลอาการของเด็กที่เกิดอุปาทานหมู่ ภายในโรงเรียนสหตรังอาชีวะในครั้งนี้
โดย นายแพทย์สมบัติ กล่าวว่า จากอาการของเด็กที่เข้าไปดูแลนั้น พบว่าเป็นอาการของโรคอุปทานหมู่ ซึ่งครั้งที่สอง มีเด็กที่เกิดอาการประมาณ 8 คน โดยทางโรงพยาบาลตรัง ได้มีการจัดหน่วยจิตแพทย์เข้าไปดูแลอาการ ด้วยการจับเด็กต้นเหตุแยกออกจากกลุ่มเพื่อนๆ แล้วนำไปพักผ่อนในห้องละคน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กคนอื่นเกิดอาการอุปทานหมู่ตามไปด้วย จนกลายเป็นกลุ่มใหญ่
นายแพทย์สมบัติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรักษาเด็กที่ป่วยนั้น จะต้องดูแลอาการอ่อนเพลียให้หายก่อน จากนั้น ทางจิตแพทย์จะเข้าไปพูดคุยกับตัวเด็กและครอบครัว เพื่อหาสาเหตุความตึงเครียดที่นำมาซึ่งการเกิดอาการอุปทานหมู่ในครั้งนี้ โดยจะต้องติดตามและดูแลอาการของเด็กจนกว่าจะพบสาเหตุที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กที่มีอาการเกิดอุปทานหมู่ซ้ำอีกครั้ง
