กระบี่ - กรรมาธิการวิสามัญฯ แนะผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งขาว เปลี่ยนมาเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เพื่อลดต้นทุนการผลิตภาวะน้ำมันแพง ชี้กุ้งธงฟ้าไม่ช่วยผู้เลี้ยงกุ้ง
นายปกครอง เกิดสุข ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ พลเรือเอกณรงค์ ยุทธวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการประมง พร้อมด้วย นายภิญโญ สายนุ้ย สมาชิกวุฒิสภา ได้ร่วมประชุมรับฟังปัญหาของผู้ประกอบกิจการประมงกระบี่ หลังจากที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากปัญหาภาวะน้ำมันแพง โดยคณะกรรมาธิการได้เสนอแนวทางแก้ไขให้กับผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้ง โดยให้ผู้เลี้ยงกุ้งหันมาเลี้ยงด้วยวิธี ที่สามารถลดต้นทุนได้ ด้วยการลดจำนวนลงมา และสามารถเลี้ยงได้แบบยั่งยืน อย่างเช่น พื้นที่เลี้ยง 1 ไร่เลี้ยงได้ไม่เกิน 4 หมื่นตัว และควรจะเปลี่ยนจากกุ้งขาวแวนาไม เป็นกุ้งกุลาดำเพราะมีอัตราโตที่สูงกว่าและมีราคาดี
นายปกครอง กล่าวอีกว่า การที่ผู้ประกอบการหรือเกษตรกรจะเปลี่ยนจากการเลี้ยงกุ้งขาวมาเป็นการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องเทคนิค วิธีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมีความยุ่งยากมากว่าเลี้ยงกุ้งขาว แต่คงจะไม่เกินความสามารถของผู้ประกอบการ เพราะเมื่อก่อนเคยผ่านการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมาแล้วในอดีต ปัญหาของผู้ประกอบการและเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งประการแรกตลาดที่ค่อนข้างจำกัด
เพราะฉะนั้น หน่วยงานของรัฐจะต้องเข้ามาดูแลในเรื่องตลาดการส่งออก ประการที่สองคือตลาดภายในประเทศซึ่งจะสามารถส่งออกผลผลิตค่อนข้างเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงที่มีการชะลอการจับกุ้ง เนื่องจากกระแสในด้านการตลาดที่ไม่ค่อยยอมรับผลผลิต
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของตลาดกุ้งส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงกุ้งขาวแวนาไม หรือกุ้งกุลาดำจะมีปัญหาในเรื่องการส่งออก อยากให้องค์กรต่างๆ ที่เข้ามาดูแล นั้นมีตัวแทนของเกษตรกรรวมอยู่ด้วย เพราะในเรื่องสถานการณ์เลี้ยงกุ้งในประเทศไทย เกษตรกรผู้เลี้ยงย่อมรู้เรื่องดีมากที่สุด
และว่าจะเป็นปัญหาในระยะยาว และเรื้องรัง หากว่าภาครัฐยังคิดทำกันเองโดยไม่ปรึกษาเกษตรกร เหมือนอย่างที่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาให้อย่างเร่งด่วนในขณะนี้ และคาดว่าอีก 10 เดือน ข้างหน้าเมื่อตลาดกุ้งเปิดขึ้นอีกจะมีผลผลิตที่ตกค้างอยู่ในฟาร์มค่อนข้างเยอะ และผลผลิตออกมาเยอะ จะทำให้ราคากุ้งตกไปมากกว่านี้อีกครั้ง และว่าการที่ทางภาครัฐได้จัดโครงการกุ้งธงฟ้าราคาประหยัดไม่ได้ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมากนัก
นายปกครอง เกิดสุข ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ พลเรือเอกณรงค์ ยุทธวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการประมง พร้อมด้วย นายภิญโญ สายนุ้ย สมาชิกวุฒิสภา ได้ร่วมประชุมรับฟังปัญหาของผู้ประกอบกิจการประมงกระบี่ หลังจากที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากปัญหาภาวะน้ำมันแพง โดยคณะกรรมาธิการได้เสนอแนวทางแก้ไขให้กับผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้ง โดยให้ผู้เลี้ยงกุ้งหันมาเลี้ยงด้วยวิธี ที่สามารถลดต้นทุนได้ ด้วยการลดจำนวนลงมา และสามารถเลี้ยงได้แบบยั่งยืน อย่างเช่น พื้นที่เลี้ยง 1 ไร่เลี้ยงได้ไม่เกิน 4 หมื่นตัว และควรจะเปลี่ยนจากกุ้งขาวแวนาไม เป็นกุ้งกุลาดำเพราะมีอัตราโตที่สูงกว่าและมีราคาดี
นายปกครอง กล่าวอีกว่า การที่ผู้ประกอบการหรือเกษตรกรจะเปลี่ยนจากการเลี้ยงกุ้งขาวมาเป็นการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องเทคนิค วิธีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมีความยุ่งยากมากว่าเลี้ยงกุ้งขาว แต่คงจะไม่เกินความสามารถของผู้ประกอบการ เพราะเมื่อก่อนเคยผ่านการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมาแล้วในอดีต ปัญหาของผู้ประกอบการและเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งประการแรกตลาดที่ค่อนข้างจำกัด
เพราะฉะนั้น หน่วยงานของรัฐจะต้องเข้ามาดูแลในเรื่องตลาดการส่งออก ประการที่สองคือตลาดภายในประเทศซึ่งจะสามารถส่งออกผลผลิตค่อนข้างเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงที่มีการชะลอการจับกุ้ง เนื่องจากกระแสในด้านการตลาดที่ไม่ค่อยยอมรับผลผลิต
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของตลาดกุ้งส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงกุ้งขาวแวนาไม หรือกุ้งกุลาดำจะมีปัญหาในเรื่องการส่งออก อยากให้องค์กรต่างๆ ที่เข้ามาดูแล นั้นมีตัวแทนของเกษตรกรรวมอยู่ด้วย เพราะในเรื่องสถานการณ์เลี้ยงกุ้งในประเทศไทย เกษตรกรผู้เลี้ยงย่อมรู้เรื่องดีมากที่สุด
และว่าจะเป็นปัญหาในระยะยาว และเรื้องรัง หากว่าภาครัฐยังคิดทำกันเองโดยไม่ปรึกษาเกษตรกร เหมือนอย่างที่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาให้อย่างเร่งด่วนในขณะนี้ และคาดว่าอีก 10 เดือน ข้างหน้าเมื่อตลาดกุ้งเปิดขึ้นอีกจะมีผลผลิตที่ตกค้างอยู่ในฟาร์มค่อนข้างเยอะ และผลผลิตออกมาเยอะ จะทำให้ราคากุ้งตกไปมากกว่านี้อีกครั้ง และว่าการที่ทางภาครัฐได้จัดโครงการกุ้งธงฟ้าราคาประหยัดไม่ได้ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมากนัก
