นครศรีธรรมราช – พันธมิตรฯเมืองคอนคึกคักตั้งป้อมสู้ ร่วมโค่นล้มระบอบทักษิณ และไล่รัฐบาลหุ่นเชิด ตั้งจุดถ่ายทอด ASTV กลางเมือง ณ ศาลาประดู่หกเพื่อให้ความรู้ชาวบ้าน ด้านนักวิชาการเตือนประชาชนอย่าติดกับดัก “ถอยคนละก้าว” ชี้ “หมัก” ใช้ยุทธศาสตร์แบบเดียวกับการปลุกปั่นเหตุการณ์ 6 ตุลา หวังสร้างความชอบธรรม ปราบปรามการชุมนุมของประชาชนที่เป็นไปโดยสงบ
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายโอสถ สุวรรณเศวต แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า ในส่วนของพันธมิตรฯนครศรีธรรมราชนั้น ได้ร่วมกันจัดตั้งจุดถ่ายทอดบรรยากาศการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณศาลาประดู่หก ริมถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง ซึ่งทุกวันจะเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็น เป็นต้นไป บรรยากาศโดยทั่วไปจะเป็นการให้ความรู้กับประชาชนที่สนใจจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น และจะมีการรับบริจาคทุนเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายของประชาชนในพื้นที่ ในการเดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯด้วย
นายโอสถ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเดินทางไปร่วมยังการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร วันนี้ชาวนครศรีธรรมราชได้เดินทางไปร่วมเพิ่มขึ้นอีกราว 100 คน ซึ่งการเดินทางจะเน้นเดินทางโดยรถไฟ และจะมีการทยอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ไปร่วมการชุมนุมจนกว่าจะได้รับชัยชนะ
ด้าน ดร.เลิศชาย ศิริชัย อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้เข้าร่วมการให้ความรู้ในครั้งนี้ในฐานะนักวิชาการ ซึ่งจะให้การศึกษาเรียนรู้กับประชาชนที่ให้ความสนใจเหตุการณ์บ้านเมือง โดยจะเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมและให้เท่าทัน
“ผมเชื่อว่า หลังจากนี้ รัฐบาลจะเร่งเร้าในการสร้างสถานการณ์เข้ามามากขึ้น ตามแนวทางที่รัฐบาลโดยนายสมัครจะใช้กลยุทธ์เหมือนเช่นเหตุการณ์กรณี 6 ตุลาคม คือ การสร้างข่าวให้ประชาชนเข้าใจว่าผู้ชุมนุมสร้างปัญหาจราจร สร้างปัญหาเศรษฐกิจ ให้เห็นว่าเกิดความเสียหาย เมื่อสถานการณ์ตรงนี้ถึงจุดๆ หนึ่งรัฐบาลจะเข้าไปปราบปรามพันธมิตร หากประชาชนไม่ติดตามให้ใกล้ชิดและให้เท่าทันเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น” ดร.เลิศชาย ระบุ
อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ยังกล่าวต่อว่า อีกส่วนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องสื่อที่จะต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.สื่ออิสระตรงนี้ไม่น่าห่วง เพราะสามารถนำเสนอได้อย่างหลากหลาย และ 2.คือ สื่อของรัฐที่กำลังเป็นกระบอกเสียงที่เข้าถึงประชาชน รัฐกำลังใช้ช่องทางนี้ซึ่งมีทั้งรายการคุยสด และรายการตัดต่อเป็นต้นเหตุที่น่าวิตก
“สิ่งที่ประชาชนต้องมอง คือ การมองปัจจุบันและมองต่อไปถึงต้นเหตุ ประชาชนบางส่วนกำลังติดกับดักกับคำว่า ถอยคนละก้าว แต่ถ้ามองให้ลึก การถอยคนละก้าว คือ การก่อเริ่มปัญหาใหม่ ฝ่ายรัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญแน่นอน ที่ถอยคือถอยไปใช้กลยุทธ์ประชามติ พันธมิตรย่อมต้องต่อต้านแน่นอน สื่อมวลชนควรทำให้สังคมเห็นตรงนี้ให้ชัดเจน รัฐบาลไม่เคยพูดว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญ ตรงนี้ง่ายที่สุดสำหรับรัฐบาลเพียงแค่บอกว่าจะไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญ จะรอให้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสร็จสิ้น แต่ตรงนี้ไม่เคยพูดไม่เคยสัญญา เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯก็ไม่เลิก ตอนนี้รัฐบาลใช้ประเด็นอื่นเข้ามาครอบงำสังคม สร้างกระบวนการเพื่อการปราบปราม ดังนั้น สังคมจะต้องเท่าทันและต้องเรียนรู้” ดร.เลิศชาย กล่าวในที่สุด
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายโอสถ สุวรรณเศวต แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า ในส่วนของพันธมิตรฯนครศรีธรรมราชนั้น ได้ร่วมกันจัดตั้งจุดถ่ายทอดบรรยากาศการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณศาลาประดู่หก ริมถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง ซึ่งทุกวันจะเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็น เป็นต้นไป บรรยากาศโดยทั่วไปจะเป็นการให้ความรู้กับประชาชนที่สนใจจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น และจะมีการรับบริจาคทุนเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายของประชาชนในพื้นที่ ในการเดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯด้วย
นายโอสถ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเดินทางไปร่วมยังการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร วันนี้ชาวนครศรีธรรมราชได้เดินทางไปร่วมเพิ่มขึ้นอีกราว 100 คน ซึ่งการเดินทางจะเน้นเดินทางโดยรถไฟ และจะมีการทยอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ไปร่วมการชุมนุมจนกว่าจะได้รับชัยชนะ
ด้าน ดร.เลิศชาย ศิริชัย อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้เข้าร่วมการให้ความรู้ในครั้งนี้ในฐานะนักวิชาการ ซึ่งจะให้การศึกษาเรียนรู้กับประชาชนที่ให้ความสนใจเหตุการณ์บ้านเมือง โดยจะเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมและให้เท่าทัน
“ผมเชื่อว่า หลังจากนี้ รัฐบาลจะเร่งเร้าในการสร้างสถานการณ์เข้ามามากขึ้น ตามแนวทางที่รัฐบาลโดยนายสมัครจะใช้กลยุทธ์เหมือนเช่นเหตุการณ์กรณี 6 ตุลาคม คือ การสร้างข่าวให้ประชาชนเข้าใจว่าผู้ชุมนุมสร้างปัญหาจราจร สร้างปัญหาเศรษฐกิจ ให้เห็นว่าเกิดความเสียหาย เมื่อสถานการณ์ตรงนี้ถึงจุดๆ หนึ่งรัฐบาลจะเข้าไปปราบปรามพันธมิตร หากประชาชนไม่ติดตามให้ใกล้ชิดและให้เท่าทันเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น” ดร.เลิศชาย ระบุ
อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ยังกล่าวต่อว่า อีกส่วนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องสื่อที่จะต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.สื่ออิสระตรงนี้ไม่น่าห่วง เพราะสามารถนำเสนอได้อย่างหลากหลาย และ 2.คือ สื่อของรัฐที่กำลังเป็นกระบอกเสียงที่เข้าถึงประชาชน รัฐกำลังใช้ช่องทางนี้ซึ่งมีทั้งรายการคุยสด และรายการตัดต่อเป็นต้นเหตุที่น่าวิตก
“สิ่งที่ประชาชนต้องมอง คือ การมองปัจจุบันและมองต่อไปถึงต้นเหตุ ประชาชนบางส่วนกำลังติดกับดักกับคำว่า ถอยคนละก้าว แต่ถ้ามองให้ลึก การถอยคนละก้าว คือ การก่อเริ่มปัญหาใหม่ ฝ่ายรัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญแน่นอน ที่ถอยคือถอยไปใช้กลยุทธ์ประชามติ พันธมิตรย่อมต้องต่อต้านแน่นอน สื่อมวลชนควรทำให้สังคมเห็นตรงนี้ให้ชัดเจน รัฐบาลไม่เคยพูดว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญ ตรงนี้ง่ายที่สุดสำหรับรัฐบาลเพียงแค่บอกว่าจะไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญ จะรอให้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสร็จสิ้น แต่ตรงนี้ไม่เคยพูดไม่เคยสัญญา เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯก็ไม่เลิก ตอนนี้รัฐบาลใช้ประเด็นอื่นเข้ามาครอบงำสังคม สร้างกระบวนการเพื่อการปราบปราม ดังนั้น สังคมจะต้องเท่าทันและต้องเรียนรู้” ดร.เลิศชาย กล่าวในที่สุด
