ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายกสมาคมประมงภูเก็ตชี้ ครม.มีมติเรื่องน้ำมันม่วงช่วยประมงไม่สามารถแก้ปัญหาเดือดร้อนได้ เพียงการบรรเทาและลดต้นทุนเพียงเล็กน้อย เสนอแนวทางแก้ปัญหาแท้จริงหนุนใช้พลังงานทดแทน ขณะที่ผู้ประกอบขนส่งทางทะเลร้องรัฐช่วยเรื่องราคาน้ำมันเช่นเดียวกับภาคเกษตร-ประมง เผยต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่รู้จบ
นายสมยศ วงศ์บุญยกุล นายกสมาคมชาวประมงภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติแก้ไขมติ ครม.เรื่องน้ำมันม่วงเข้ามจำหน่ายไกล้ฝั่ง หรือบนบกเพื่อช่วยเหลือชาวประมงขนาดเล็ก ว่า มติดังกล่าวที่ออกมานั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมงได้ เป็นเพียงการบรรเทาปัญหาเรื่องของต้นทุนของผู้ประกอบการประมง ที่เป็นเรือประมงขนาดเล็กเท่านั้น และราคาน้ำมันม่วงก็อิงราคาน้ำมันจากหน้าปั๊ม ปตท.ทำให้ราคาน้ำมันม่วงที่จำหน่ายให้กับชาวประมงถูกกว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊มเพียง 2-3 บาทเท่านั้น และเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้ชาวประมงไม่สามารถที่จะแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้แล้วทำให้เรือประมงบางส่วนยังต้องจอดต่อไปแม้ว่าจะมีน้ำมันม่วงมาช่วยก็ตาม
ส่วนจำนวนที่รัฐจัดสรรน้ำมันม่วงมาจำหน่ายให้กับชาวประมงขนาดเล็ก เดือนละ 15 ล้านลิตร ทั่วประเทศนั้น คิดว่า ไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ เพราะเรือประมงขนาดเล็กมีจำนวนมาก
นายสมยศ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาเรื่องของราคาน้ำมันให้กับชาวประมงที่แท้จริงนั้นคิดว่าน่าจะมาส่งเสริมเรื่องของการใช้พลังงานทดแทนมากกว่า ซึ่งขณะนี้ก็ได้ยื่นเสนอเรื่องนี้ผ่านผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปแล้วในการผ่อนผันเรื่องของกฎหมายนำเข้าน้ำมันที่ใช้แล้วเพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน
ขณะที่ผู้ประกอบการเรือขนส่งทางทะเลฝั่งอันดามันวอนรัฐบาลช่วยพยุงราคาน้ำมันหลังการปรับตัวน้ำมันมีผลกระทบต่อธุรกิจ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวิศิษฎ์ ใจอาจ ผู้ประกอบการขนส่งทางทะเล กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องส่งผลทำให้กิจการเรือขนส่งทางทะเลมีผลกระทบมาก อยากให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนให้เหมือนกับทางภาคเกษตร-ประมง ซึ่งในส่วนผู้ประกอบการขนส่งไม่มีมาตรการช่วยเหลือเลย
“ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐเข้ามาพิจารณาในส่วนนี้ด้วย เนื่องจากราคาน้ำมันขึ้นไม่รู้ไปจบทำให้ต้องแบกรับต้นทุนในการประกอบการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับปัจจุบันในฝั่งอันดามันมีเรือขนส่งทางทะเล 16 ลำ”
นายสมยศ วงศ์บุญยกุล นายกสมาคมชาวประมงภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติแก้ไขมติ ครม.เรื่องน้ำมันม่วงเข้ามจำหน่ายไกล้ฝั่ง หรือบนบกเพื่อช่วยเหลือชาวประมงขนาดเล็ก ว่า มติดังกล่าวที่ออกมานั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมงได้ เป็นเพียงการบรรเทาปัญหาเรื่องของต้นทุนของผู้ประกอบการประมง ที่เป็นเรือประมงขนาดเล็กเท่านั้น และราคาน้ำมันม่วงก็อิงราคาน้ำมันจากหน้าปั๊ม ปตท.ทำให้ราคาน้ำมันม่วงที่จำหน่ายให้กับชาวประมงถูกกว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊มเพียง 2-3 บาทเท่านั้น และเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้ชาวประมงไม่สามารถที่จะแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้แล้วทำให้เรือประมงบางส่วนยังต้องจอดต่อไปแม้ว่าจะมีน้ำมันม่วงมาช่วยก็ตาม
ส่วนจำนวนที่รัฐจัดสรรน้ำมันม่วงมาจำหน่ายให้กับชาวประมงขนาดเล็ก เดือนละ 15 ล้านลิตร ทั่วประเทศนั้น คิดว่า ไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ เพราะเรือประมงขนาดเล็กมีจำนวนมาก
นายสมยศ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาเรื่องของราคาน้ำมันให้กับชาวประมงที่แท้จริงนั้นคิดว่าน่าจะมาส่งเสริมเรื่องของการใช้พลังงานทดแทนมากกว่า ซึ่งขณะนี้ก็ได้ยื่นเสนอเรื่องนี้ผ่านผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปแล้วในการผ่อนผันเรื่องของกฎหมายนำเข้าน้ำมันที่ใช้แล้วเพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน
ขณะที่ผู้ประกอบการเรือขนส่งทางทะเลฝั่งอันดามันวอนรัฐบาลช่วยพยุงราคาน้ำมันหลังการปรับตัวน้ำมันมีผลกระทบต่อธุรกิจ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวิศิษฎ์ ใจอาจ ผู้ประกอบการขนส่งทางทะเล กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องส่งผลทำให้กิจการเรือขนส่งทางทะเลมีผลกระทบมาก อยากให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนให้เหมือนกับทางภาคเกษตร-ประมง ซึ่งในส่วนผู้ประกอบการขนส่งไม่มีมาตรการช่วยเหลือเลย
“ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐเข้ามาพิจารณาในส่วนนี้ด้วย เนื่องจากราคาน้ำมันขึ้นไม่รู้ไปจบทำให้ต้องแบกรับต้นทุนในการประกอบการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับปัจจุบันในฝั่งอันดามันมีเรือขนส่งทางทะเล 16 ลำ”
