นครศรีธรรมราช – ชาวประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช สุดทนเตรียมยกพลปิดอ่าว ปิดถนนสายหลัก หลังจากยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือ อีก 7 วัน ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เตรียมยกเรือตังเกปิดการจราจรถนนสายหลัก นครฯ-กรุงเทพฯ
วันนี้ (13 พ.ค.) นายสุธรรม วิชชุไตรภพ นายกสมาคมชาวประมงอำเภอสิชล เปิดเผยถึงความเคลื่อนของกลุ่มชาวประมงในจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า ก่อนหน้านี้ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมงและส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยทำหนังสือข้อเสนอไปรวม 6 ข้อ เพื่อขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาล และได้ยื่นคำขาดไปว่าหากครบกำหนด 15 วัน ในวันที่ 20 พ.ค.2551 แล้วชาวประมงไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ กลุ่มชาวประมงจะรวมตัวกันปิดอ่าวปากน้ำ อ.สิชล ทันที
นายสุธรรม กล่าวต่อว่า หลังจากที่ชาวประมงรอมาโดยตลอด ปรากฏว่า ไม่มีปฏิกิริยาใดๆในการช่วยเหลือชาวประมงกลับมาเลย ซึ่งตรงนี้ตามนัดหมายในวันที่ 20 พ.ค.เรือประมงในอำเภอสิชลหลายร้อยลำจะมารวมตัวกันปิดปากน้ำอ่าวสิชลทันที
“การขอความช่วยเหลือของเรา เป้าหมายหลักๆ คือ เรื่องของน้ำมัน ที่มีราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่องของแรงงาน และเรื่องของราคาผลผลิตที่ไม่ได้ปรับมาแล้วกว่า 3 ปี ยังคงราคาเดิมโดยตลอด ในวันที่ 19 พ.ค.2551 ช่วงเย็นๆ เรือตังเกจะทยอยกันไปปิดอ่าวทั้งหมด และเมื่อปิดอ่าวแล้วไม่มีใครสนใจพูดคุยแก้ปัญหา เราจะเคลื่อนไหวต่อไป อยากให้รู้ว่ารัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเขาอยู่กันสบายเหลือเกิน แต่ชาวประมงเดือดร้อนนอนไม่หลับเหมือนตกนรกทั้งเป็น ในเมื่อบ้านเมืองไม่มีอะไรชัดเจน ชาวบ้านต้องดำเนินการกันแบบชาวบ้านไหนๆ จะตายกันก็อย่าตายเปล่าช่วยกันประกาศให้สังคมรับรู้” นายสุธรรม กล่าว
นายกสมาคมชาวประมงอำเภอสิชล ยังกล่าวต่อว่า หลังจากนั้น เราจะขยายผลต่อไปเรื่อยๆ ในหมู่ชาวประมง โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการเมือง และจะต้องไม่มีการเมืองเข้ามาแอบแฝง ซึ่งจะประสานต่อไปยังชาวประมงทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และรวมถึงภาคใต้ตอนล่างให้ร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว เพราะชาวประมงถูกทอดทิ้งมานานหลายปีต่อเนื่องกันแล้ว
“ตอนนี้มีความคิดที่จะไปหารือกันว่า จะต้องถึงขั้นปิดถนนปิดการจราจร เราจะบอกให้สังคมรู้โดยการยกเรือประมงที่ถูกทิ้งจนเสียหาย เนื่องจากผู้ประกอบการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว และยกใส่รถบรรทุกมาแล้วยกลงมาจอดบนถนน ซึ่งคาดว่า จะเป็นทางขึ้นล่องนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ ตรงสี่แยกสิชล เพื่อให้ผู้ที่สัญจรรับรู้ถึงความเดือดร้อนของพวกเรา และให้รัฐบาลรู้ด้วยว่าเราเดือดร้อน จนต้องเอาเรือซึ่งวิ่งในน้ำมาจอดบนถนนหลวงแล้ว เพราะอยู่ในน้ำไม่มีใครเห็น” นายสุธรรม กล่าว
วันนี้ (13 พ.ค.) นายสุธรรม วิชชุไตรภพ นายกสมาคมชาวประมงอำเภอสิชล เปิดเผยถึงความเคลื่อนของกลุ่มชาวประมงในจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า ก่อนหน้านี้ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมงและส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยทำหนังสือข้อเสนอไปรวม 6 ข้อ เพื่อขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาล และได้ยื่นคำขาดไปว่าหากครบกำหนด 15 วัน ในวันที่ 20 พ.ค.2551 แล้วชาวประมงไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ กลุ่มชาวประมงจะรวมตัวกันปิดอ่าวปากน้ำ อ.สิชล ทันที
นายสุธรรม กล่าวต่อว่า หลังจากที่ชาวประมงรอมาโดยตลอด ปรากฏว่า ไม่มีปฏิกิริยาใดๆในการช่วยเหลือชาวประมงกลับมาเลย ซึ่งตรงนี้ตามนัดหมายในวันที่ 20 พ.ค.เรือประมงในอำเภอสิชลหลายร้อยลำจะมารวมตัวกันปิดปากน้ำอ่าวสิชลทันที
“การขอความช่วยเหลือของเรา เป้าหมายหลักๆ คือ เรื่องของน้ำมัน ที่มีราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่องของแรงงาน และเรื่องของราคาผลผลิตที่ไม่ได้ปรับมาแล้วกว่า 3 ปี ยังคงราคาเดิมโดยตลอด ในวันที่ 19 พ.ค.2551 ช่วงเย็นๆ เรือตังเกจะทยอยกันไปปิดอ่าวทั้งหมด และเมื่อปิดอ่าวแล้วไม่มีใครสนใจพูดคุยแก้ปัญหา เราจะเคลื่อนไหวต่อไป อยากให้รู้ว่ารัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเขาอยู่กันสบายเหลือเกิน แต่ชาวประมงเดือดร้อนนอนไม่หลับเหมือนตกนรกทั้งเป็น ในเมื่อบ้านเมืองไม่มีอะไรชัดเจน ชาวบ้านต้องดำเนินการกันแบบชาวบ้านไหนๆ จะตายกันก็อย่าตายเปล่าช่วยกันประกาศให้สังคมรับรู้” นายสุธรรม กล่าว
นายกสมาคมชาวประมงอำเภอสิชล ยังกล่าวต่อว่า หลังจากนั้น เราจะขยายผลต่อไปเรื่อยๆ ในหมู่ชาวประมง โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการเมือง และจะต้องไม่มีการเมืองเข้ามาแอบแฝง ซึ่งจะประสานต่อไปยังชาวประมงทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และรวมถึงภาคใต้ตอนล่างให้ร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว เพราะชาวประมงถูกทอดทิ้งมานานหลายปีต่อเนื่องกันแล้ว
“ตอนนี้มีความคิดที่จะไปหารือกันว่า จะต้องถึงขั้นปิดถนนปิดการจราจร เราจะบอกให้สังคมรู้โดยการยกเรือประมงที่ถูกทิ้งจนเสียหาย เนื่องจากผู้ประกอบการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว และยกใส่รถบรรทุกมาแล้วยกลงมาจอดบนถนน ซึ่งคาดว่า จะเป็นทางขึ้นล่องนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ ตรงสี่แยกสิชล เพื่อให้ผู้ที่สัญจรรับรู้ถึงความเดือดร้อนของพวกเรา และให้รัฐบาลรู้ด้วยว่าเราเดือดร้อน จนต้องเอาเรือซึ่งวิ่งในน้ำมาจอดบนถนนหลวงแล้ว เพราะอยู่ในน้ำไม่มีใครเห็น” นายสุธรรม กล่าว