นราธิวาส - วิกฤตน้ำมันแพง เรือประมงนราฯ แบกภาระขาดทุนไม่ไหว จอดนิ่งกว่า 70% วอนรัฐช่วยด่วน
วันนี้ (30 เม.ย.) จากสภาวะราคาน้ำมันแพงและราคาไม่คงที่ ส่งผลทำให้ชาวประมงและผู้ประกอบการ จ.นราธิวาส อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงในทะเลฝั่งอ่าวไทย ต้องประสบกับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งจังหวัดนราธิวาส มีเรือขนาดเล็ก (เรือกอและ) กว่า 1,000 ลำ เรือขนาดกลางและขนาดใหญ่ประมาณ 300 ลำ กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ต้องต้องจอดนิ่ง จนเจ้าของเรือบางลำเจ้าของต้องจอดทิ้ง จนกลายเป็นซากเรือ เพราะทนแบกภาระราคาน้ำมันที่แพงและถีบตัวสูงขึ้นทุกวันไม่ไหว
น.ส.ระพีพรรณ หาญเชิงชัย ผจก.แพปลา เดชไพศาล อ.เมือง จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ผลจากราคาน้ำมันแพง และราคาน้ำมันขึ้นแทบทุกวัน ทำให้ผู้ประกอบการ อาชีพเรือประมง แทบขาดทุน และบางรายขาดทุนไปแล้ว ซึ่งท่าเทียบเรือประมงเอกชน ของ จ.นราธิวาส ก่อนน้ำมันแพง จะมีเรือประมงขนาดใหญ่ บรรทุกปลาได้ประมาณ 3-5 ตัน เข้าจอดเทียบท่าเพื่อนำปลาขึ้นส่งลำเลียงปลา วันละไม่น้อยว่า 30 ลำ แต่เมื่อราคาน้ำมันดีเซลถีบตัวสูงขึ้นมาก เรือประมงที่เคยเข้ามาจอดเทียบท่าเหลือเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์
จาการสอบถามไต้ก๋งเรือ และเจ้าของเรือประมง ทราบว่า การขนส่งทางทะเล ต้องใช้ระยะทางไกล ไม่คุ้มกับค่าน้ำมัน ทำให้เรือประมง ซึ่งส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพประมงทะเล ไทย-มาเลเซีย หันเข้ามาขึ้นปลาที่ แพโต๊ะบาลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพราะน้ำมันถูก ราคาเพียงแค่ 1 ริงกิต ประมาณ 10 บาท เท่านั้น ทำให้ภาษีที่ประเทศไทยจะได้สูญเสียไป “ทุกวันนี้แย่จริงๆ ราคาน้ำมันแพง วัตถุดิบสัตว์น้ำหายาก” แรงงานคนพื้นที่ขาดแคลน ทั้งนี้ เพราะคนในพื้นที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซีย จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งจะจดทะเบียนถูกต้อง
ในส่วนความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น น.ส.ระพีพรรณ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนและควรพิจารณาจัดโควตา น้ำมันราคาถูกให้กับกลุ่มชาวประมง หรือน้ำมันเขียว แต่ต้องควบคุมดูแลเพื่อให้ถึงเรือประมงจริงๆ เพราะที่ผ่านมา มีกลุ่มพ่อค้าหัวใสเพื่อค้ากำไร และถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ปัญหาจะยิ่งแย่
นอกจากนี้ อยากให้ทางจังหวัดผ่อนผัน ในเรื่องการใช้แรงงานต่างด้าว ทางเจ้าหน้าที่ บอกว่า หวั่นกระทบความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยืนยันว่า พร้อมจะใช้ให้ความร่วมมือกับทางการในทุกกรณี ซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงงานเหล่านี้อยู่ และอยากฝากขอคิดไปยังรัฐบาล น้ำมันแพง สัตว์น้ำหายากขึ้น ลองคิดดู ตอนราคาน้ำมัน 22 บาท ต่อลิตร เราส่งปลาทูน่าให้กับโรงงาน เพียงกิโลกรัมละ 15 บาท แต่ราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันเกือบ 34 บาทต่อลิตร ราคาปลาที่ต้องส่งโรงงาน 15 บาท คงเดิมไม่ขาดทุนก็แย่แล้ว
ทางด้าน นายยาการียา หะยียามา ผจก.แพปลาบาเละฮิเล ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส บอกกับผู้สื่อข่าว ว่า ถ้ารัฐบาลจัดโควตาน้ำมันดีเซลราคาถูกให้ชาวประมงได้จริง นับว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกวันนี้ เรือจอดและไม่ออกหาปลา จำนวนมาก ทั้งเรือเล็กและเรือขนาดกลาง ใครจะออกหาปลาไหวขาดทุนไม่คุ้มทุน อีกทั้งต้องติดหนี้เพราะกู้เงินเข้ามาอีก และเมื่อชาวประมงไม่ออกหาปลา ส่งผลให้ครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย อาชีพเสริมไม่มีเลย รัฐบาลต้องรีบช่วยด่วน เพราะการทำประมง คือ อาชีพหลักของคนในพื้นที่ หากช้าไปทุกคนจะเดือนร้อนอย่างแน่นอน
วันนี้ (30 เม.ย.) จากสภาวะราคาน้ำมันแพงและราคาไม่คงที่ ส่งผลทำให้ชาวประมงและผู้ประกอบการ จ.นราธิวาส อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงในทะเลฝั่งอ่าวไทย ต้องประสบกับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งจังหวัดนราธิวาส มีเรือขนาดเล็ก (เรือกอและ) กว่า 1,000 ลำ เรือขนาดกลางและขนาดใหญ่ประมาณ 300 ลำ กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ต้องต้องจอดนิ่ง จนเจ้าของเรือบางลำเจ้าของต้องจอดทิ้ง จนกลายเป็นซากเรือ เพราะทนแบกภาระราคาน้ำมันที่แพงและถีบตัวสูงขึ้นทุกวันไม่ไหว
น.ส.ระพีพรรณ หาญเชิงชัย ผจก.แพปลา เดชไพศาล อ.เมือง จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ผลจากราคาน้ำมันแพง และราคาน้ำมันขึ้นแทบทุกวัน ทำให้ผู้ประกอบการ อาชีพเรือประมง แทบขาดทุน และบางรายขาดทุนไปแล้ว ซึ่งท่าเทียบเรือประมงเอกชน ของ จ.นราธิวาส ก่อนน้ำมันแพง จะมีเรือประมงขนาดใหญ่ บรรทุกปลาได้ประมาณ 3-5 ตัน เข้าจอดเทียบท่าเพื่อนำปลาขึ้นส่งลำเลียงปลา วันละไม่น้อยว่า 30 ลำ แต่เมื่อราคาน้ำมันดีเซลถีบตัวสูงขึ้นมาก เรือประมงที่เคยเข้ามาจอดเทียบท่าเหลือเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์
จาการสอบถามไต้ก๋งเรือ และเจ้าของเรือประมง ทราบว่า การขนส่งทางทะเล ต้องใช้ระยะทางไกล ไม่คุ้มกับค่าน้ำมัน ทำให้เรือประมง ซึ่งส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพประมงทะเล ไทย-มาเลเซีย หันเข้ามาขึ้นปลาที่ แพโต๊ะบาลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพราะน้ำมันถูก ราคาเพียงแค่ 1 ริงกิต ประมาณ 10 บาท เท่านั้น ทำให้ภาษีที่ประเทศไทยจะได้สูญเสียไป “ทุกวันนี้แย่จริงๆ ราคาน้ำมันแพง วัตถุดิบสัตว์น้ำหายาก” แรงงานคนพื้นที่ขาดแคลน ทั้งนี้ เพราะคนในพื้นที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซีย จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งจะจดทะเบียนถูกต้อง
ในส่วนความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น น.ส.ระพีพรรณ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนและควรพิจารณาจัดโควตา น้ำมันราคาถูกให้กับกลุ่มชาวประมง หรือน้ำมันเขียว แต่ต้องควบคุมดูแลเพื่อให้ถึงเรือประมงจริงๆ เพราะที่ผ่านมา มีกลุ่มพ่อค้าหัวใสเพื่อค้ากำไร และถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ปัญหาจะยิ่งแย่
นอกจากนี้ อยากให้ทางจังหวัดผ่อนผัน ในเรื่องการใช้แรงงานต่างด้าว ทางเจ้าหน้าที่ บอกว่า หวั่นกระทบความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยืนยันว่า พร้อมจะใช้ให้ความร่วมมือกับทางการในทุกกรณี ซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงงานเหล่านี้อยู่ และอยากฝากขอคิดไปยังรัฐบาล น้ำมันแพง สัตว์น้ำหายากขึ้น ลองคิดดู ตอนราคาน้ำมัน 22 บาท ต่อลิตร เราส่งปลาทูน่าให้กับโรงงาน เพียงกิโลกรัมละ 15 บาท แต่ราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันเกือบ 34 บาทต่อลิตร ราคาปลาที่ต้องส่งโรงงาน 15 บาท คงเดิมไม่ขาดทุนก็แย่แล้ว
ทางด้าน นายยาการียา หะยียามา ผจก.แพปลาบาเละฮิเล ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส บอกกับผู้สื่อข่าว ว่า ถ้ารัฐบาลจัดโควตาน้ำมันดีเซลราคาถูกให้ชาวประมงได้จริง นับว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกวันนี้ เรือจอดและไม่ออกหาปลา จำนวนมาก ทั้งเรือเล็กและเรือขนาดกลาง ใครจะออกหาปลาไหวขาดทุนไม่คุ้มทุน อีกทั้งต้องติดหนี้เพราะกู้เงินเข้ามาอีก และเมื่อชาวประมงไม่ออกหาปลา ส่งผลให้ครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย อาชีพเสริมไม่มีเลย รัฐบาลต้องรีบช่วยด่วน เพราะการทำประมง คือ อาชีพหลักของคนในพื้นที่ หากช้าไปทุกคนจะเดือนร้อนอย่างแน่นอน
